รูปแบบวิธีการวิเคราะห์
ผู้วิเคราะห์ได้ทำการคัดกรองประวัติการรักษาของสุนัขที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ Banfield ในขณะที่เป็นลูกสุนัขและได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรคความผิดปกติแต่กำเนิดเป็นระยะเวลาห้าปีตั้งแต่ปี 2010-2014 ลูกสุนัขที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคต้องมีอายุน้อยกว่า 12 เดือนในครั้งแรกที่เข้ารับการตรวจที่สถานพยาบาล ยกตัวอย่างเช่นลูกสุนัขอายุ 8 เดือนได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยในเดือนมกราคมปี 2014 และมายังสถานพยาบาลอีกครั้งในเดือนกันยายนที่อายุ 16 เดือนยังถือว่าเป็นลูกสุนัขในปี 2014 อยู่ ความผิดปกติแต่กำเนิดของลูกสุนัขที่ตรวจพบได้ทำการจำแนกไว้ตามระบบอวัยวะที่พบดังตารางที่ 1 มีการระบุความชุกของความผิดปกติแต่กำเนิดที่พบมาก 5 อันดับแรกตามระบบอวัยวะในปี 2014 ทำการเปรียบเทียบความชุกของความผิดปกติตามระบบอวัยวะและอาการในปี 2010 การวิเคราะห์ทางสถิติทำเพื่อหาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความชุกของโรคโดยใช้ z-test เพื่อเปรียบเทียบสัดส่วน
1
*ภาวะทองแดง (cryptorchidism) ที่ไม่ได้ระบุ(unspecified) หมายความว่ามีการตรวจพบว่าสุนัขมีภาวะทองแดงแต่ไม่ได้ทำการระบุว่าเป็นภาวะทองแดงช่องท้องหรือช่องเชิงกราน
ผลการวิเคราะห์
มีจำนวนสุนัขเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ Banfield ทั้งหมดเกือบ 2.4 ล้านตัว จากจำนวนสัตว์ทั้งหมด 8 ล้านตัวในปี 2014 คิดเป็นลูกสุนัข 540,183 ตัว(ร้อยละ 22.5) ในตารางที่ 2 แสดงความผิดปกติแต่กำเนิดตามระบบอวัยวะที่พบมากที่สุด 5 อันแรก ความผิดปกติที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งในสามอันดับแรกคือภาวะทองแดง(คิดเป็น 38.3 ถึง 120.9 ตัวต่อสุนัข 10,000 ตัวที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนึ่งในสามโรคที่พบมากที่สุด) ตามมาด้วยภาวะหูหนวกแต่กำเนิดและ portosystemic shunt โดยสองความผิดปกติหลังพบได้ยากกว่ามาก น้อยกว่า 9 และ 3 ตัวต่อสุนัข 10,000 ตัวที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนึ่งในสามโรคอันดับแรก โรคความผิดปกติแต่กำเนิด 5 อันดับแรกไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2010 ถึงแม้ว่าจะมีความชุกเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2010-2014 (ยกเว้น portosystemic shunt) ความเปลี่ยนแปลงของความชุกถือว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ
ความผิดปกติแต่กำเนิดของระบบสืบพันธุ์ได้รับการวินิจฉัยมากเป็นอันดับแรก(ตารางที่ 3) ความผิดปกติของระบบประสาทได้รับการวินิจฉัยเป็นอับดับที่ 2 ในขณะที่ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารและระบบหลอดเลือดและหัวใจเป็นอันดับที่ 3 และ 4 ตามลำดับโดยมีตัวเลขที่ห่างกันมาก การเปลี่ยนแปลงในปี 2010 ถือว่ามีนัยสำคัญทางสถิติสำหรับความผิดปกติในหมวดระบบสืบพันธุ์ ระบบทางเดินอาหาร และระบบต่อมไร้ท่อ
*จำนวนลูกสุนัขที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะทองแดงในตารางที่ 2 สูงกว่าจำนวนลูกสุนัขที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ในตารางที่ 3 เล็กน้อยซึ่งอาจเกิดจากการที่ลูกสุนัขได้รับการวินิจฉัยในครั้งแรกว่ามีภาวะทองแดงในช่องท้องแต่ลูกอัณฑะได้เคลื่อนลงมาอยู่ในบริเวณเชิงกรานเมื่อสุนัขอายุมากขึ้นหรือมีภาวะทองแดงที่ไม่ได้ระบุชนิดแล้วได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นทองแดงช่องท้องหรือช่องเชิงกรานในการพบสัตวแพทย์ครั้งต่อมา
การอภิปรายผล
การที่ภาวะทองแดงเป็นความผิดปกติที่ได้รับการวินิจฉัยมากที่สุดอาจมีสาเหตุจากความง่ายในการวินิจฉัย โรงพยาบาลสัตว์ Banfiled เป็นสถานพยาบาลสัตว์ทั่วไป(first opinion practice) จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจตรวจไม่พบความผิดปกติอื่นในตารางที่ 1 ซึ่งต้องอาศัยความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหรือเครื่องมือตรวจวินิจฉัยมากขึ้น นอกจากนี้การวิเคราะห์ยังถูกจำกัดด้วยวิธีการบันทึกข้อมูลในระบบ ดังนั้นหากมีการวินิจฉัยพบอาการที่ไม่ปรากฏในระบบหรืออยู่ภายใต้ชื่ออื่นอาจทำให้สัตวแพทย์บันทึกผลการวินิจฉัยพลาดได้ การศึกษานี้กำหนดความผิดปกติแต่กำเนิดที่พบในอายุน้อยทำให้ค่าความชุกที่ได้อาจน้อยกว่าความเป็นจริงเพราะความผิดปกติแต่กำเนิดบางชนิดสามารถตรวจพบได้ในอายุที่มากขึ้น การจำกัดอายุของสัตว์ทำเพื่อความง่ายในการเก็บข้อมูลและเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าความผิดปกติที่ตรวจพบนั้นเป็นมาแต่กำเนิดจริง
การเปลี่ยนแปลงความชุกของความผิดปกติแต่กำเนิดอาจสะท้อนการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของการบันทึกผลการวินิจฉัยในโรงพยาบาลสัตว์ Banfield(ซึ่งไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น) หรืออาจเป็นผลมาจากเครื่องมือ/วิธีการในการตรวจวินิจฉัยที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพในการขยายพันธุ์ทั้งจากผู้เพาะพันธุ์และเจ้าของสัตว์ เป็นที่สังเกตว่าความชุกที่แตกต่างกันนั้นสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของอุบัติการณ์ความผิดปกติเหล่านี้ในลูกสุนัขถึงแม้ว่าจะยังไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัด