เมื่อใดที่เราควรพิจารณาให้อาหารเปียก
อาหารกึ่งแห้งและอาหารเม็ดสำหรับสัตว์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันแต่...
เผยแพร่แล้ว 31/03/2021
สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Español และ English
การกินอาหารมีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตในการอยู่รอด แต่สำหรับมนุษย์อาจซับซ้อนมากกว่าแค่การกิน เพราะช่วงเวลาอาหารของมนุษย์ยังเป็นเวลาที่ได้พักผ่อน คลายเครียด รวมไปถึงการสนทนากับเพื่อนและครอบครัวระหว่างมื้ออาหาร Dr. Jon Bowen จะมาอธิบายว่าหลักการกินอาหารของแมวต่างกันกับคนในประการใดบ้าง (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)
แมวที่อาศัยในธรรมชาติจะกินอาหารตลอด 24 ชั่วโมงหากมีอาหารเพียงพอ โดยพบพฤติกรรมการล่าและกินอาหารมากสุดที่ช่วงเวลารุ่งเช้าและพลบค่ำ
แมวจะมีความไวต่อรสชาติของกรดอะมิโนและนิวคลีโอไทด์เป็นอย่างมาก ทั้งยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบและไม่ชอบรสชาติบางชนิด
แมวจะมีกิจวัตรประจำวันที่เคร่งครัดแน่นอน หากว่าเจ้าของแมวมีกิจวัตรที่ไม่ปกติจะก่อให้เกิดความเครียดแก่แมวทั้งยังสร้างความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิตของแมวอีกด้วย
เจ้าของแมวมักเชื่อว่าการให้อาหารแมวคือการดูแลแมว แต่ยังมีสิ่งอื่นที่สามารถทำได้เพื่อแสดงออกถึงการดูแลเอาใจใส่
การดูแลเอาใจใส่คือรากฐานของการเลี้ยงสัตว์ ความรู้สึกของการแบ่งปันประสบการณ์ทางอารมณ์ไม่ได้เป็นเพียงพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างคนและสัตว์แต่รวมถึงประโยชน์แก่เจ้าของสัตว์ด้วย บทความจาก American Heart Association ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างการมีสัตว์เลี้ยงและผลดีต่อสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด แต่ประโยชน์เหล่านี้จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของความสัมพันธ์ มากกว่าการมีสัตว์เลี้ยงเพียงอย่างเดียว 1
ถึงแม้จะมีการศึกษาที่ไม่มากนัก แต่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาทางพฤติกรรมจะส่งผลเสียต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของเจ้าของ ยกตัวอย่างการศึกษาเจ้าของสุนัขที่พบว่าสุนัขมีปัญหาหลักทางพฤติกรรม เช่นความดุร้าย ความกระวนกระวาย และปัญหารองเช่น การดึงรั้งสายจูง ส่งผลกับการใช้ชีวิตและความพึงพอใจในการเลี้ยงสัตว์เป็นอย่างมาก 2 ผลเสียอย่างเดียวกันอาจพบได้ในเจ้าของแมวที่แมวมีปัญหาไม่เข้าสังคม ทำลายสิ่งของ และขับถ่ายเรี่ยราดภายในบ้าน
การมีสัตว์เลี้ยงเป็นโอกาสที่เจ้าของได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์จากสัตว์ซึ่งไม่ตัดสินคุณค่าของผู้เลี้ยง และได้แสดงออกถึงการให้ผ่านการดูแลเอาใจใส่ การให้และรับการดูแลเป็นการแสดงออกถึงความเข้าอกเข้าใจ ส่งผลบวกทางอารมณ์ให้กับผู้คน โดยการแสดงออกหลักของคนในการดูแลคือการให้อาหาร 3 ดังนั้นในบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเจ้าของแมว จะรู้สึกว่าความสำคัญของการเลี้ยงแมวคือการให้อาหารแมวและเห็นแมวกินอาหารนั้น เจ้าของแมวบางคนที่ออกจากบ้านไปเป็นเวลานานในแต่ละวันจะมองว่าการให้อาหารคือสิ่งสำคัญในการเชื่อมต่อกับสัตว์เลี้ยงของเขา (รูป 1)
การมีปฏิสัมพันธ์ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะได้ผลดีกับสัตว์เลี้ยงบางชนิดเช่นสุนัข เพราะสุนัขถือว่ามื้ออาหารคือกิจกรรมทางสังคมและมีความยืดหยุ่นต่อเวลาอาหาร สุนัขสามารถปรับตัวได้ง่ายไม่ว่าจะมีอาหารหนึ่ง สอง หรือสามมื้อต่อวัน แสดงความดีใจเมื่อได้รับอาหาร และยอมรับได้เมื่อถูกจำกัดเวลาการให้และสิ่งที่สามารถกินได้ อย่างไรก็ตามแมวมีรูปแบบการหาอาหารและการกินที่ทำให้ยากต่อการปรับตัว หรือแสดงความดีใจที่ถูกให้อาหารโดยคน (รูป 2) อันที่จริงแล้วความไม่ตรงกันในเรื่องแรงจูงใจในการกินและพฤติกรรมระหว่างคนกับแมวสามารถนำไปสู่ปัญหาทางพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อวิถีชีวิตของเจ้าของแมวและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของได้
ในธรรมชาติหากมีอาหารเพียงพอ แมวจะกินตลอดในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง 4 จำนวนมื้ออาหารอาจสูงได้ถึง 20 ครั้ง 5 ต่อวัน แต่อาจมีความแตกต่างกันได้ในแมวแต่ละสายพันธุ์ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาในแมวพันธุ์ Bengal พบว่ามีค่าเฉลี่ยจำนวนมื้ออาหารสูงกว่าพันธุ์ domestic shorthaired 6
แมวที่อยู่อย่างอิสระจะมีจำนวนมื้ออาหารที่ขึ้นกับปริมาณอาหารที่เข้าถึงได้และความสำเร็จในการล่า แมวจะไปยังพื้นที่ล่าในอาณาเขตของตัวเองหลายครั้ง โดยเน้นช่วงเวลาที่เหยื่อจะเคลื่อนไหวช้าและจับได้ง่าย ดังนั้นแมวมักจะล่าเหยื่อที่ช่วงเวลารุ่งเช้าและพลบค่ำ แต่สามารถออกล่าช่วงกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่นกอยู่ในรังเช่นเดียวกัน การมองเห็นของแมวถูกพัฒนาขึ้นมาให้ใช้ได้ดีในที่ที่มีแสงสว่างน้อย แมวไม่สามารถทนต่อแสงสว่างจ้าได้และจะไม่ค่อยทำกิจกรรมในวันที่มีแดดจัด เหยื่อของแมวจะมีขนาดเล็กเป็นได้ทั้งสัตว์ที่มีและไม่มีกระดูกสันหลัง 7 การออกล่าแต่ละครั้งจะได้อาหารที่มีขนาดเล็กซึ่งให้พลังงานได้ไม่กี่ชั่วโมง ความอิ่มจึงไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นการหาอาหารและการกินของแมว หลังจากที่ได้กินแล้วแมวต้องกลับออกไปล่าอย่างรวดเร็วสำหรับอาหารมื้อถัดไป แมวมักไม่กินอาหารที่มีขนาดใหญ่เพราะมีความจุของกระเพาะที่ไม่มากนัก
แมวจะใช้ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นและความผิดปกติที่พบในบริเวณล่าเหยื่อเพื่อหาว่ามีเหยื่อในบริเวณนั้นหรือไม่ จากนั้นแมวจะไปอยู่ในจุดใกล้เคียงเพื่อรอเป็นเวลาหลายสิบนาทีถึงจะเปลี่ยนไปที่ตำแหน่งต่อไป พฤติกรรมผู้ล่าจะถูกกระตุ้นโดยเสียงที่มีความถี่สูงและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเหยื่อขนาดเล็ก แมวจะหยุดเคลื่อนที่ ย่อตัวลงเพื่อไม่ให้เหยื่อสังเกตเห็น ระบุตำแหน่งของเหยื่อ รอให้เหยื่อเข้ามาหาหรือเคลื่อนที่ช้าๆเข้าไปหาเหยื่อ จากนั้นจึงทำการกระโจนเข้าใส่เหยื่อ (รูป 3) การโจมตีจะเป็นไปอย่างกระชับและว่องไวในระยะทางไม่กี่ช่วงตัวของแมว
แมวไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในระยะที่ใกล้กว่า 15-20 เซนติเมตร ทำให้ช่วงสุดท้ายของการล่าต้องอาศัยหนวดและการสัมผัสในปาก หลังจากที่แมวงับเหยื่อได้แล้ว แรงกัดจะถูกควบคุมโดยระบบรีเฟล็กซ์เฉพาะที่ หากเหยื่อยิ่งขยับหรือดิ้น แมวจะกัดแรงขึ้นโดยอัตโนมัติ นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมการกัดของแมวจึงทำให้เจ้าของเจ็บปวดมากและทำไมเราจึงไม่ควรใช้มือและเท้าในการเล่นกับแมว
รูปแบบการล่าของแมวจะเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปมาระหว่างบริเวณล่าเหยื่อ การหาอาหาร และการรอคอย หลังจากที่แมวจับเหยื่อได้แล้ว แมวจะนำเหยื่อไปกินที่อาณาเขตของมันเพื่อความเป็นส่วนตัว แมวที่อาศัยในบ้านจะนำเหยื่อที่ล่าได้กลับเข้าไปในบ้านไม่ใช่เป็น “ของขวัญ” ให้กับเจ้าของแมวหรือแสดงออกว่าแมวไม่ชอบอาหารที่ให้แต่อย่างใด แต่เพื่อนำไปกินอย่างปลอดภัยและสงบเงียบในอาณาเขตของมัน สาเหตุเดียวกันกับว่าทำไมแมวบางตัวจึงนำอาหารออกจากชามอาหารไปกินที่อื่นเพื่อความเป็นส่วนตัว เจ้าของแมวต้องระลึกว่านี่คือสัญญาณที่ควรเปลี่ยนตำแหน่งชามอาหารของแมวหรือแมวไม่พอใจที่ต้องแบ่งชามอาหารกับแมวตัวอื่นในบ้าน แมวที่อยู่อย่างอิสระจะแยกพื้นที่กินอาหาร ขับถ่าย และพักผ่อนไว้ห่างจากกัน แมวที่อาศัยในบ้านจึงมักถูกบีบพื้นที่ให้แคบลงกว่าที่ควร ส่งผลให้แมวไม่อยากกินอาหารจากชามอาหารที่ตั้งไว้ให้ เจ้าของแมวควรจัดชามอาหารและบริเวณขับถ่ายให้แยกจากกันเท่าที่จะทำได้
Jon Bowen
เหยื่อที่มีขนาดใหญ่และอันตรายกว่าจะถูกฆ่าทันทีโดยการกัดเพื่อตัดไขสันหลังบริเวณคอ ฟันกรามจะถูกใช้ในการเฉือนเนื้อออกจากซาก 4 หากแมวยังไม่หิวและเหยื่อมีขนาดเล็ก แมวจะปล่อยให้เหยื่อมีชีวิตต่ออีกสักพักเพื่อฝึกพฤติกรรมการล่า แมวจะกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กโดยเริ่มจากบริเวณศีรษะตามด้วยลำตัวและขา มันจะใช้เวลาในการเคี้ยวจนชิ้นเนื้อมีขนาดที่ง่ายต่อการย่อยและอาจไม่กินจนหมดตัว เป้าหมายของการกินมีเพียงแค่การเติมพลังงานเพื่อให้กลับไปล่าหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นได้เพียงเท่านั้น ส่วนที่มีความน่ากินน้อยเช่นลำไส้อาจถูกทิ้งไว้เช่นนั้น หากแมวล่าเหยื่อได้มากเกิน อาจฝังบางส่วนไว้ใต้ดินเพื่อเก็บไว้กินในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และอาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมแมวที่เลี้ยงในบ้านบางตัวแสดงพฤติกรรมการขุดรอบชามอาหารของมันหลังจากที่กินเสร็จแล้ว
แมวเป็นเช่นเดียวกับสัตว์กินเนื้อชนิดอื่นที่ลิ้นขาดบริเวณรับรสหลักไป 8 ยกตัวอย่างเช่นแมวไม่สามารถรับรสหวานและเค็มได้ 9 แต่มีความไวต่อรสของกรดอะมิโนและนิวคลีโอไทด์ แมวจะหลีกเลี่ยงรสของกรดอะมิโนบางตัวเช่น L-tryptophan ซึ่งคนรับรู้ว่ามีรสขม แต่จะมีความชอบในรสของกรดอะมิโนตัวอื่นเช่น L-glycine เจ้าของแมวบางคนกล่าวว่าแมวของเขาชอบกินของที่มีรสเค็มเช่นถั่วและมันฝรั่งทอด หรือของที่มีรสหวานเช่นขนมเค้กและบิสกิต แต่ความจริงแล้วแมวสัมผัสได้ถึงรสของกรดอะมิโนปริมาณเล็กน้อยที่คนเราไม่สามารถรับรู้ได้เพราะถูกความหวานและเค็มกลบไปแล้ว แต่ก็มีบางรสชาติที่คนและแมวสามารถรับรู้และไม่ชอบได้เหมือนกัน เช่นแมวจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสขมเพื่อลดการกินอาหารที่อาจเป็นพิษได้ 10
ลูกแมวจะพัฒนาความชอบอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งโดยทำตามพฤติกรรมการกินของแม่แมว แต่จะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อแมวโตขึ้นและได้กินอาหารชนิดใหม่ที่พบได้ในสิ่งแวดล้อมหรืออาหารที่เจ้าของแมวจัดวางไว้ให้ เจ้าของบางคนกล่าวว่าแมวของตนเองเลือกกินอาหารซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ไม่มีประสบการณ์ที่หลากหลายในการกิน ทำให้แมวไม่ค่อยลองอาหารชนิดใหม่ อย่างไรก็ตามแมวสามารถแสดงพฤติกรรมการเบื่อ (monotony effect) 4 ที่ทำให้แมวเริ่มปฏิเสธอาหารหรือเหยื่อชนิดเดิม และเริ่มหาอาหารใหม่ที่อยู่ในกลุ่มที่แมวมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง พฤติกรรมการเบื่อนี้ช่วยให้แมวได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนผ่านการกินเหยื่อหลายชนิด พบได้มากในแมวที่อยู่อย่างอิสระมากกว่าแมวเลี้ยงซึ่งได้รับอาหารสำเร็จที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนมากกว่า 11 อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมแมวที่เลี้ยงถึงมีแสดงความเบื่ออาหารเป็นครั้งคราว ส่งผลให้เจ้าของต้องเปลี่ยนอาหารที่ให้เป็นชนิดอื่น
ปัจจัยที่สำคัญและส่งผลมากต่อพฤติกรรมการล่าและการกินอาหารของแมวรวมไปถึงพฤติกรรมโดยรวม เกิดจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมและปัจจัยภายในมากกว่าการเข้าสังคม แมวที่อยู่ในอาณาเขตของตัวเองจะมีรูปแบบพฤติกรรมไม่ว่าจะเป็นการล่า การกิน การดูแลตัวเองโดยไม่ได้รับผลจากการมีแมวตัวอื่น ล้วนเป็นกิจกรรมสันโดษทั้งสิ้น ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมเช่นแสง และชนิดของพืชที่อยู่ในอาณาเขต ช่วยให้แมวคาดการณ์ได้ว่าจะพบเหยื่อได้ที่ไหน เวลาใด การที่แมวตัดสินใจออกล่าจะขึ้นอยู่กับว่าแมวต้องการที่จะดูแลตัวเองหรือต้องการออกไปหาคู่ หาอาหาร
แมวที่อยู่อย่างอิสระมักจะมีกิจวัตรในการล่า กินอาหาร พฤติกรรมด้านอาณาเขต และการดูแลตัวเองที่แน่นอนทั้งในเรื่องเวลาและสถานที่ (รูป 4) เหตุผลหนึ่งคือแมวต่างจากสุนัขที่ไม่มีกระบวนการทางพฤติกรรมที่ใช้แก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับทรัพยากรที่ใช้ร่วมกัน แมวจะใช้กลิ่นจากปัสสาวะ รอยเล็บ และท่าทางของร่างกายในการรักษาระยะห่าง (ลักษณะท่าทางในการข่มขู่ การมองตา และเสียง) เพื่อที่จะอยู่แยกกัน แมวสามารถอยู่รวมกันได้หากว่ามีที่พักอาศัยและอาหารในปริมาณที่เพียงพอ แต่นี่ไม่นับว่าเป็นพฤติกรรมทางสังคมของการอยู่ร่วมกันแบบในสุนัข การอยู่รวมกันของแมวสะท้อนให้เห็นการเพิ่มขึ้นของขีดความอดทนทางสังคมในแมวกลุ่มนั้น แมวที่มีความอดทนทางสังคมจะสามารถอยู่ร่วมกับแมวตัวอื่นและใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ ในขณะที่แมวที่ไม่มีความอดทนทางสังคมจะไม่ยอมอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ความหลากหลายทางสังคมของแมวที่มีทั้งอยู่ตัวเดียวและอาศัยอยู่รวมกันทำให้แมวอยู่อาศัยได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ข้อสรุปพฤติกรรมการกินของแมวอยู่ใน (กล่อง 1)
• แมวกินอาหารมื้อเล็กต่อวันได้สูงสุดถึง 20 มื้อ |
• แมวสามารถกินได้ทุกช่วงเวลาใน 24 ชั่วโมง |
• การกินและการล่าไม่ใช่พฤติกรรมทางสังคมที่ได้รับผลจากการมีอยู่ของแมวตัวอื่น |
• แมวมีกิจวัตรประจำวันในการล่า การกิน และการดูแลตัวเองที่แน่นอน |
บทความนี้เริ่มต้นบนแนวคิดที่ว่าการให้อาหารคือสิ่งสำคัญในการดูแลจากมุมมองของคน การพบปะทางสังคมต่างๆที่จัดขึ้นต่างก็อยู่บนแนวคิดนี้พร้อมกับความคาดหวังว่าผู้ที่ได้รับการเลี้ยงอาหารจะแสดงความพึงพอใจในอาหารที่ได้รับ บางวัฒนธรรมอาจมีข้อกำหนดว่าการเหลืออาหารไว้บนจานเล็กน้อยเป็นการแสดงความพึงพอใจในอาหารนั้น ในขณะที่อีกวัฒนธรรมหนึ่งถือว่าการกินอาหารเหลือเป็นการหยาบคายและการจบมื้ออาหารที่ดีต้องมีการเรอด้วยเสียงอันดัง ไม่ว่าจะในวัฒนธรรมใดสิ่งที่จะแสดงออกถึงความพึงพอใจคือการกิน สุนัขเองมีความยินดีที่จะปฏิบัติตามวิถีสังคมมนุษย์และกินอาหารจนหมด
ในทางกลับกัน แมวถือว่าอาหารคือการเติมพลังงานระหว่างกิจกรรมต่างๆ การกินอาหารไม่มีความสำคัญในแง่มุมทางสังคม แมวจะกินอาหารเพียงไม่กี่คำก่อนที่จะเดินจากไปและเจ้าของแมวมักตีความว่านี่คือการที่แมวไม่พอใจอาหาร ตามมาด้วยความรู้สึกจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นอาหารที่มีความน่ากินเพิ่มขึ้น เหตุการณ์นี้อาจไม่ได้เป็นปัญหาหลักแต่ในบางครั้งอาจก่อให้เกิดภาวะการกินมากเกินไปและสร้างความหงุดหงิดแก่เจ้าของ
ปัญหาที่สำคัญและส่งผลกระทบมากกว่าคือเรื่องของจำนวนมื้ออาหารและเวลาการให้อาหาร การวางอาหารให้แมววันละ 2 ครั้งจะดีต่อเมื่ออาหารนั้นคงความสดและสามารถวางทิ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะเกิดช่วงเวลาที่แมวไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้
แมวที่ถูกให้อาหารตามที่กล่าวมาจะปรับตัวโดยการพยายามกินอาหารมากกว่าปกติต่อครั้ง สถานการณ์จะยิ่งแย่ลงในบ้านที่เลี้ยงแมวหลายตัวที่ต้องแบ่งชามอาหารกัน เพราะแมวจำเป็นต้องต่อคิวเพื่อกินอาหาร ลองจินตนาการถึงตัวท่านเองหากต้องต่อคิวรับอาหารเช้า กลางวัน เย็นทุกวัน หรือได้รับอาหารมื้อใหญ่สัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้งแบบสุ่ม แถมยังต้องแบ่งกับคนอีกหลายคนที่หิวโหยพอกันและดิ้นรนที่จะรับประทานให้ได้มากที่สุด การให้อาหารเมื่อแมวต้องการไม่ได้เป็นวิธีที่ดีไปกว่ากันเพราะเจ้าของมักจะไม่อยู่หรือหลับในช่วงเวลาที่แมวจำเป็นต้องได้รับอาหารมากที่สุด (รุ่งเช้าและพลบค่ำ)
• แมวต้องสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างอิสระเพื่อที่จะกินอาหารมื้อเล็กๆได้ทั้งกลางวันและกลางคืน |
• การกินอาหารเล็กน้อยแล้วเดินหนีจากชามอาหารเป็นเรื่องปกติสำหรับแมว |
• การให้อาหารหลักชนิดใดชนิดหนึ่งเสริมด้วยอาหารชนิดใหม่เล็กน้อยเป็นครั้งคราวน่าจะเป็นรูปแบบการให้อาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุดสำหรับแมว การเบื่ออาหารที่เกิดขึ้นจะช่วยไม่ให้แมวกินอาหารมากเกินความจำเป็น |
• อุปกรณ์ให้อาหารจะช่วยกระตุ้นจิตใจแมวและควรใช้เพื่อป้องกันการกินอาหารมากเกินไปในกรณีที่ให้แบบไม่จำกัด |
• เจ้าของแมวต้องหาวิธีอื่นที่จะแสดงความรักความเอาใจใส่เช่น เล่นเกม หรือพูดกับแมว |
นอกจากปัญหาเกี่ยวกับจำนวนของมื้ออาหารที่ไม่เหมาะสม อาหาร และการให้อาหารตามต้องการจะทำให้กิจวัตรของแมวต้องขึ้นกับกิจวัตรของเจ้าของแล้ว การที่แมวเป็นสัตว์ที่มีกิจวัตรประจำวันที่แน่นอนและมีเจ้าของที่เวลามีการตื่นนอนหรือกลับมาบ้านเปลี่ยนไปมาจะสร้างความเครียดในการใช้ชีวิตให้กับแมวเป็นอย่างมาก
ในการทดลองเพื่อสาธิตให้ดูว่าตารางชีวิตของเจ้าของแมวมีความสำคัญต่อแมวอย่างไร มีการศึกษาอย่างน้อยสองกรณีได้หาความสำคัญของการมีกิจวัตรที่แน่นอนและคาดเดาได้ต่อชีวิตของแมว การศึกษาทั้งสองพบว่ารูปแบบการให้อาหาร แสง ความร้อน ความสะอาด การมีสังคมที่ผิดไปจากปกติจะส่งผลให้แมวมีพฤติกรรมที่เกี่ยวกับความเครียดมากขึ้น การศึกษาหนึ่งพบว่าแมวที่ต้องอยู่กับกิจวัตรที่เอาแน่นอนไมได้จะมีระดับ urine cortisol สูงขึ้น มีพฤติกรรมการสำรวจลดลง และมีความตกใจตามด้วยการหลบมากขึ้น 12 ในอีกการศึกษาหนึ่งที่มีความผิดปกติของกิจวัตรประจำวันเช่นเดียวกัน พบว่าแมวมีการปัสสาวะนอกกระบะทรายมากขึ้นร้อยละ 60 และมีการขับถ่ายนอกกระบะทรายขึ้นถึง 10 เท่า 13 ผลที่ได้มีความสำคัญมากเพราะมันได้แสดงให้เห็นว่าความแปรปรวนในชีวิตประจำวันที่แมวในการศึกษานี้ต้องพบเจอซึ่งไม่ต่างอะไรจากแมวเลี้ยงทั่วไป นอกจากการไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้ตลอดเวลาแล้ว แมวเลี้ยงยังต้องพบการการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนอันเป็นผลจากคนเช่น แสง ความร้อน การมีสิ่งเร้า และการสัมผัสจากมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อแมวถ่ายอุจจาระนอกกระบะทราย เจ้าของแมวมักพยายามหาสาเหตุของความเครียดที่มีได้หลากหลาย แต่แท้จริงแล้วอาจเกิดจากการขาดกิจวัตรที่แน่นอน หากมองจากแง่มุมเรื่องความไม่แน่นอนทางสิ่งแวดล้อมแล้ว การให้อาหารจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเพราะมันเป็นส่วนที่ความต้องการของคนและแมวไม่เหมือนกัน มันยังเป็นจุดที่ง่ายที่สุดในการปรับปรุง ในหลายครั้งที่ปัญหาการทะเลาะกันของแมวและการทำลายข้าวของในบ้านสามารถแก้ไขได้โดยการให้แมวสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างอิสระ สิ่งอื่นที่ต้องคำนึงถึงคือบริเวณที่วางอาหารภายในบ้าน (รูป 5)
เจ้าของมักกังวลกับการให้แมวเข้าถึงอาหารอย่างอิสระเพราะคาดว่าแมวจะประสบภาวะโรคอ้วนได้ ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อการเข้าถึงอาหารจำเป็นต้องออกแรงผ่านอุปกรณ์การให้อาหารที่ทำให้แมวกินได้ช้าลง (รูป 6) และอาหารมีปริมาณโปรตีนสูง แมวจะกินอาหารเพื่อชดเชยโปรตีนตามที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นหากทำให้แมวกินอาหารได้ช้าพอที่ร่างกายจะดูดซึมโปรตีนจนถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว แมวจะไม่ได้รับอาหารมากจนเกินไป แมวที่เลี้ยงในบ้านส่วนมากจะประสบปัญหาโรคอ้วนจากการที่ไม่ค่อยทำกิจกรรม ปัญหานี่สามารถแก้ได้โดยการเพิ่มสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อมของแมวร่วมกับการควบคุมอาหารซึ่งได้ผลดีกว่าการลดอาหารเพียงอย่างเดียว
การให้แมวเข้าถึงอาหารอย่างอิสระผ่านอุปกรณ์การให้อาหารจะช่วยให้แมวได้มีประสบการณ์การหาอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากขึ้น สามารถลดความเครียดและความหงุดหงิดของแมวลงได้ อย่างไรก็ตามเจ้าของบางคนอาจรู้สึกไม่ดีเพราะขาดโอกาสที่จะได้แสดงความเอาใจใส่เลี้ยงดูแมว ทางแก้ไขที่จะเป็นผลดีกับทั้งเจ้าของและแมวก้อคือการให้อาหารผ่านการละเล่น ยกตัวอย่างเช่นการใช้ของเล่นลักษณะคล้ายเบ็ดตกปลา (รูป 7) ที่เริ่มด้วยการให้แมวสะกดรอยตามของเล่นที่ผูกไว้ปลายไม้ไปตามที่ต่างๆ และจบลงด้วยการให้รางวัลเป็นขนม
โดยสรุปแล้ว เจ้าของแมวมักจะใช้ค่านิยมเดียวกับคนในการเลี้ยงแมวโดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับการให้อาหารและการกิน สัตวแพทย์ต้องสามารถให้ข้อมูลเจ้าของเกี่ยวกับเรื่องที่ควรและไม่ควรปฏิบัติ ดังที่ปรากฏใน (กล่อง 2) การสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการของแมวและเจ้าของไม่ยากนักหากเจ้าของเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างคนและสัตว์ ความเข้าใจในพฤติกรรมพื้นฐานของแมวจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงและเจ้าของเป็นไปในทางที่ดีขึ้น และนำไปสู่สายสัมพันธ์ที่สมบูรณ์และน่าพึงพอใจ
Jon Bowen
Dr. Bowen จบการศึกษาจาก Royal Veterinary College ในปี 1992 และใช้เวลาหลายปีในการเป็นสัตวแพทย์ในคลินิกสัตว์เลี้ยง อ่านเพิ่มเติม
อาหารกึ่งแห้งและอาหารเม็ดสำหรับสัตว์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันแต่...
เมื่อสัตวแพทย์พบสุนัขที่แสดงอาการป่วยอย่างรุนแรง อาจมองข้าม...