การจัดการแผล 1: การจัดการภาวะฉุกเฉินกรณีกระดูกหักแบบเปิด
กระดูกหักแบบเปิดหมายถึงกระดูกแตกหักที่เปิดรับการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งมีสาเหตุมาจาก...
บทความต่อไปนี้ มีรูปภาพที่ละเอียดอ่อนและอาจไม่เหมาะสมแก่ เด็ก และ เยาวชน
หมายเลขหัวข้อ 25.3 Other Scientific
เผยแพร่แล้ว 01/08/2021
สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Español และ English
แผลทะลุมักดูไม่อันตรายจากภายนอกแต่ภายใต้รูขนาดเล็กบนผิวหนังจะมีเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายโดยแรงมหาศาล เส้นเลือดที่ฉีกขาดเสียหาย รวมไปถึงอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆฝังอยู่ (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)
เมื่อมีสัตว์ป่วยมาด้วยแผลโดนกัดหรือแผลจากกระสุนปืนสัตวแพทย์ต้องเปรียบเทียบปัญหาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง (iceberg effect) ที่มียอดภูเขาแทนบาดแผลบริเวณผิวหนังขนาดเล็กและฐานของภูเขาคือความเสียหายที่มากกว่าในเนื้อเยื่อชั้นลึกลงไป
การส่องกล้อง endoscope จะช่วยวินิจฉัยการฉีกขาดของหลอดอาหาร (esophagus) ได้ก่อนที่สัตว์จะแสดงอาการ
แผลทะลุคควรจัดการโดยการเปิดแผลเพื่อสำรวจความเสียหาย ตกแต่งแผล (debride) และทำการชะล้าง (lavage) การรักษาแผลให้หายแบบแผลเปิดจะดีที่สุดแต่หากจำเป็นต้องเย็บปิดแผลควรใส่ท่อ drain คาไว้
หากพบหรือสงสัยว่าเป็นแผลทะลุที่ช่องท้อง หรือช่องท้องมีบาดแผลจากการทับที่เห็นได้ชัดควรทำการเปิดผ่าช่องท้องเพื่อสำรวจ (exploratory celiotomy)
สิ่งแปลกปลอมที่ฝังเข้าไปในร่างกายสัตว์จำเป็นต้องได้รับการนำออกโดยการวางยาสลบและทำการผ่าตัดเพื่อดึงออก
แผลทะลุมักดูไม่รุนแรงแต่ภายใต้รูขนาดเล็กบนผิวหนังจะซ่อนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายโดยแรงมหาศาล เส้นเลือดที่เสียหาย รวมไปถึงอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆฝังตัวอยู่ แม้ว่าสัตว์จะดูอาการไม่แย่แต่การเสื่อมสภาพจะเหนี่ยวนำการตายของเนื้อเยื่อ (necrosis) การติดเชื้อ การอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis) และถึงแก่ชีวิตได้ การจัดการแผลทะลุให้มีประสิทธิภาพที่สุดเริ่มต้นด้วยการที่สัตวแพทย์ตระหนักถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ปากแผลขนาดเล็ก
สุนัขสามารถสร้างแรงกัดได้มากกว่า 450 psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) 1 สร้างความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเนื้อเยื่อ เมื่อสุนัขฝังเขี้ยวเข้าที่ผิวหนังแล้วสะบัดหัว ความยืดหยุ่นของผิวหนังจะทำให้ผิวหนังเคลื่อนที่ตามแรงสะบัดจึงพบเห็นแค่รอยกัดเป็นรูที่ผิวหนังแต่ที่ชั้นใต้ผิวหนังซึ่งมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าจะเกิดการฉีกขาดที่จะแยกชั้นผิวหนังออกจากกล้ามเนื้อ ทำลายเนื้อเยื่อและโครงสร้างหลอดเลือดเส้นประสาท ทำให้เกิดช่องว่าง (dead space) ที่สามารถสะสมเชื้อแบคทีเรียหรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปฝังตัวได้ การบาดเจ็บจะรุนแรงขึ้นด้วยแรงบดที่มาจากฟัน premolar และ molar
การบาดเจ็บจากกระสุนปืนสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อทั้งทางตรงและทางอ้อมเช่นเดียวกัน (รูปที่1) สร้างพลังงานเป็นสัดส่วนโดยตรงต่อมวลและความเร็วของกระสุน [พลังงานจลน์= ½ x มวล x ความเร็ว2] เนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่นสูงเช่นตับ ม้าม และกระดูกจะดูดซับพลังงานได้ดีกว่าเนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าและมีความยืดหยุ่นมากกว่าอย่างเช่นปอดและกล้ามเนื้อ เป็นเหตุให้กระดูกแตกออกเป็นชิ้นเล็กเมื่อถูกยิงด้วยกระสุนและชิ้นเล็กที่แตกออกมาจะเคลื่อนไปในลักษณะเดียวกันกับกระสุน ในขณะที่กระสุนลักษณะเดียวกันและมีพลังงานเท่ากันสามารถทะลุผ่านปอดไปโดยง่าย การเกิดโพรง (cavitation) จากคลื่นของอากาศที่สร้างโดยกระสุนหรือวัตถุอื่นที่มีการเคลื่อนที่คล้ายกันขณะพุ่งผ่านสามารถทำให้กระดูกหัก เส้นเลือดฉีกขาด เจาะทะลุลำไส้ และสร้างความบอบช้ำแก่อวัยวะภายในได้แม้จะไม่ได้สัมผัสกับเนื้อเยื่อโดยตรง
นิยาม “iceberg effect” (ผลกระทบแบบภูเขาน้ำแข็ง) ใช้ในการอธิบายบาดแผลจากการถูกกัดและกระสุนปืนยิงจากปริมาณความเสียหายด้านบนที่น้อยแต่ภายใต้กลับซ่อนความเสียหายปริมาณมหาศาลในชั้นใต้ผิวหนังที่อาจพบการตาย (necrosis) ก้อนเลือดคั่ง (hematoma) ความเสียหายต่อเส้นเลือด ช่องว่าง (dead space) แหล่งเพาะแบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมฝังตัวซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดอาจไปกระตุ้นกระบวนการอักเสบเฉพาะที่ ระบบภูมิคุ้มกัน การจับตัวของเลือด (coagulation) และการสลาย fibrin หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม กระบวนการอักเสบที่กล่าวมาอาจเกิดขึ้นอย่างมากมายจนเกินขีดความสามารถของร่างกายนำไปสู่กลุ่มอาการตอบสนองต่อการอักเสบทั่วร่างกาย (systemic inflammatory response syndrome) หรือ SIRS หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis; SIRS+การติดเชื้อ) 2 3 4 สัตว์ป่วยอาจยังดูปกติถึงแม้ว่าร่างกายกำลังจะเข้าสู่ภาวะ SIRS และดูแย่ลงอย่างฉับพลันในไม่กี่วันหลังจากได้รับอุบัติเหตุ สัตวแพทย์จำเป็นต้องคำนึงถึง iceberg effect และเฝ้าระวังรวมถึงจัดการไม่ให้สัตว์ป่วยเข้าสู่ภาวะ SIRS
แผลทะลุจากสาเหตุอื่นที่พบได้คือจากท่อนไม้ (สุนัขวิ่งไล่เก็บไม้) หรือวัตถุอื่นๆในสิ่งแวดล้อม ปริมาณพลังงานจะขึ้นอยู่กับมวลของวัตถุและความเร็วซึ่งอาจเป็นความเร็วของสุนัขที่วิ่งเข้าหาวัตถุก็ได้ และ iceberg effect ที่เกิดจากการกระแทก (blunt trauma) กับวัตถุที่ไม่เป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์
การผ่าตัดเพื่อเข้าไปสำรวจหาขอบเขตของความเสียหายจากแผลทะลุเป็นสิ่งจำเป็น 2 3 7 นอกจากนี้การขจัดเนื้อที่ไม่สะอาด ตาย หรือติดเชื้อเป็นวิธีป้องกัน/รักษาการเกิด SIRS และ sepsis ได้ดีที่สุด บาดแผลทะลุควรได้รับการเปิดผ่า/สำรวจ ขจัดเนื้อตาย และล้าง (lavage) ตั้งแต่แรกพบ 2 3 หากความเสียหายจำกัดอยู่ที่บริเวณใต้ผิวหนังจะทำให้การผ่าตัดเป็นเพียงผ่าตัดย่อย แต่การผ่าตัดจะช่วยป้องกันการเกิดความเจ็บป่วยร่วม(comorbidity)หรือการตายหากว่าแผลลงลึกกว่านั้นหรือมีสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่ภายใน
การเตรียมพื้นผิวเพื่อทำการผ่าตัดควรเตรียมเป็นบริเวณกว้างเพราะเส้นทางของแผลอาจเบี่ยงเบนไปสู่เนื้อเยื่อชั้นที่ลึกลงไปและสัตวแพทย์ควรเตรียมพร้อมเพื่อการตามแผลเข้าไปถึงในช่องอกและ/หรือช่องท้อง บาดแผลที่เป็นทางเข้าและออกควรถูกเปิดออกจนเห็นเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านใน จากนั้นทำการตามรอยของการทะลุเข้าไปชั้นลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับการขจัดเนื้อตายระหว่างทาง (รูป 3) 2 ในสุนัขที่โดนกัดเราอาจสามารถสอด hemostat เข้าจากแผลหนึ่งและไปทะลุออกได้อีกหลายทางซึ่งเป็นผลจากการฉีกขาดของผิวหนังที่โดนกัด (รูป 3a) สัตวแพทย์สามารถกรีดเปิดเป็นแนวยาวเพื่อให้เห็นเนื้อเยื่อชั้นลึกของแผลที่มีร่วมกันในกรณีที่มีแผลกัดหลายตำแหน่งบริเวณเดียวกัน
อุปกรณ์ที่สามารถใส่เข้าไปในโพรง(tract)ของแผลหรือใช้ท่อยางจะช่วยให้การเลาะติดตามทำได้ง่ายขึ้น เป็นเรื่องปกติที่เรามีโอกาสพบเนื้อเยื่อที่ตายได้มากขึ้นเมื่อทำการตามโพรงแผลลึกลงไป (รูป 3) สัตวแพทย์ต้องเลาะผนังที่กั้น dead space ออกและขจัดเนื้อเยื่อที่ตายแล้วให้หมด การเหลือเนื้อเยื่อที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งไว้อาจะกระตุ้นกระบวนการอักเสบ ขัดขวางการหายของแผล และเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ สัญญาณที่บ่งบอกถึงการตายของเนื้อเยื่อคือสี ลักษณะของเนื้อเยื่อ (เนื้อตายแบบแห้งจะมีสีคล้ำและเนื้อดูคล้ายกับหนังสีดำ เนื้อตายแบบเปียกอาจมีสีขาว เทา เหลืองและดูเป็นเมือก) และการมีเลือดออกเมื่อถูกกรีดเปิด (สัตว์ต้องไม่อยู่ในภาวะ hypothermic หรือ hypovolemic) การขจัดเนื้อเยื่อควรทำจนเหลือเพียงเนื้อเยื่อที่ดี แนวทางในการขจัดเนื้อตายที่ไม่มั่นใจจะอยู่ในตารางที่ 1 ด้านล่าง
“เมื่อไม่มั่นใจ ควรจะตัด ถ้าหาก... | “เมื่อไม่มั่น ควรเก็บไว้ ถ้าหาก... |
การตัดออกจะทำให้สัตว์มีชีวิตต่อได้ | การตัดออกจะทำให้สัตว์มีชีวิตต่อไม่ได้ |
และ | หรือ |
มีโอกาสเดียวที่จะเข้าถึงและตรวจบริเวณนี้ | ยังมีโอกาสที่จะเข้าถึงและตรวจบริเวณนี้ |
และ/หรือ | และ |
มีเศษเนื้อเยื่อมากมาย ดังนั้นจะไม่พลาดแน่นอน | เนื้อเยื่อบริเวณนี้มีส่วนต่อการหายของแผล |
ตัวอย่างเช่น กล้ามเนื้อเสียหายชั้นลึกของแผล ม้ามที่เสียหาย ลำไส้ส่วน jejunum พูของตับหรือปอดที่เสียหาย | ตัวอย่างเช่น เหลือไตข้างเดียวแล้วเกิดความเสียหาย ความเสียหายต่อผิวหนังส่วนปลายขา |
*เนื้อเยื่อที่ไม่มั่นใจถึงความอยู่รอดได้คือมีโอกาสที่จะซ่อมแซมได้และโอกาสที่จะเกิดการตายของเนื้อเยื่อได้พอกัน แต่หากมั่นใจว่าเป็นเนื้อเยื่อที่ตายแน่นอนจำเป็นต้องได้รับการตัดออก
หลังจากทำการตัดเนื้อเยื่อที่เสียหายออกหมดแล้วให้ทำการชะล้าง (lavage) ปริมาณมากที่ความดัน 7-8 psi ซึ่งเหมาะสมที่สุดในการขจัดสิ่งแปลกปลอมรวมถึงแบคทีเรียออกจากแผลโดยสร้างความเสียหายน้อยที่สุดแก่เนื้อเยื่อที่ดี (รูปที่ 4) หลีกเลี่ยงการชะล้างความดันสูงกับอวัยวะภายในบางอย่าง การชะล้างภายในช่องอกและช่องท้องควรทำด้วยสารละลาย normal saline ปลอดเชื้อเท่านั้น แต่อาจใช้สารละลายที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อที่ไม่ใช่ scrubs ในการล้างชั้นใต้ผิวหนังและกล้ามเนื้อได้ ความเข้มข้นที่เหมาะสมคือสารละลาย chlorhexidine ร้อยละ 0.05 (ใช้ chlorhexidine เข้มข้นร้อยละ 2 ปริมาณ 25 มิลลิลิตรผสมกับตัวทำละลาย 975 มิลลิลิตร) หรือ สารละลาย povidone iodine เข้มข้นร้อยละ 0.1-1 (ใช้ PI (povidone iodine) เข้มข้นร้อยละ 10 ปริมาณ 10 มิลลิลิตร ผสมตัวทำละลาย 990 มิลลิลิตร หรือ PI เข้มข้นร้อยละ 10 ปริมาณ 100 มิลลิลิตร ผสมตัวทำละลาย 900 มิลลิลิตร)
แผลที่ได้ทำการตัดเอาเนื้อเยื่อที่ตายออกหมดแล้วจะถูกรักษาแบบแผลเปิด (moist wound healing) 10 โดยทำการตัดแต่งเนื้อตายและล้างซ้ำอีกหลายครั้งจนเมื่อสัตวแพทย์มั่นใจว่าแผลปราศจากเนื้อตาย การติดเชื้อ และการปนเปื้อนแล้วจึงจะทำการปิดแผล หากจำเป็นต้องปิดแผลก่อนนั้นควรใส่ท่อแบบ active drain คาไว้และปิดด้วยผ้าพันแผล 11 การดูแลหลังผ่าตัดประกอบไปด้วยการให้สารน้ำ ยาระงับความเจ็บปวด อาหารที่มีโภชนาการสูงเหมาะกับการหายของแผลและการฟื้นตัวของสุนัข ในสุนัขที่อ่อนแอมากอาจพิจารณาใส่ feeding tube ขณะที่ยังวางยาสลบอยู่เพื่อให้มั่นใจว่าสุนัขจะได้รับสารอาหารเพียงพอการตัดเนื้อเยื่อที่ตายและการล้างแผลแบบประคับประคอง (conservative) สามารถทำได้ในกรณีที่เป็นแผลทะลุที่ชั้นผิว และ/หรือมีความรุนแรงต่ำโดยที่ไม่เกี่ยวกับช่องท้อง 12 13 ยกตัวอย่างเช่นบาดแผลเดี่ยวจากกระสุนที่ทะลุเข้าชั้นผิวหนังและกล้ามเนื้อโดยไม่มีการไปรบกวนส่วนอื่นอาจะเกิดเพียง permanent cavity เพราะผิวหนังและกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นสูงที่สามารถคืนตัวหลังจากแรงของกระสุนหมดไปแล้ว เหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดได้ในกรณีของบาดแผลจากของมีคมปลายเรียบที่สะอาด
คำถามที่สำคัญคือจำเป็นหรือไม่ในการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับสุนัขที่มีแผลทะลุ เพราะธรรมชาติของแผลชนิดนี้ที่มีโอกาสปนเปื้อนแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากสิ่งแวดล้อมได้สูงอีกทั้งยังมีเนื้อเยื่อและเส้นเลือดที่เสียหายซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยมากแล้วมักมีการให้ยาต้านจุลชีพขณะทำการผ่าตัดแต่การตัดเนื้อเยื่อที่ตายออกรวมถึงการล้างอย่างเหมาะสมคือตัวแปรสำคัญที่จะลดโอกาสที่การปนเปิ้อนจะกลายเป็นการติดเชื้อ ยาต้านจุลชีพจึงไม่อาจทดแทนการดูแลทำความสะอาดแผลได้ 3 20 การใช้ยาต้านจุลชีพอาจหยุดได้ตั้งแต่หลังการผ่าตัดหากเป็นแผลตื้นที่ไมได้มีการปนเปื้อนมากนักและมีการทำความสะอาดดีแล้ว 3 19 การให้ยาต้านจุลชีพหลังผ่าตัดจะมีความสำคัญอย่างมากในกรณีที่มีความเสียหายต่อเนื้อเยื่อสูง การหักของกระดูกหรือข้อแบบเปิด SIRS สัตว์ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมีการติดเชื้อที่ยังไม่หาย 1 2 19 21 ทางเลือกในการใช้ยาต้านจุลชีพระหว่างสองกลุ่มข้างต้นไม่ได้มีการแบ่งอย่างชัดเจนและควรพิจารณาเป็นรายไป รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมเพื่อลดอัตราการเกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ในสัตว์ป่วยที่มีแผลติดเชื้อควรเลือกใช้ยาจากผลการเพาะเชื้อแบบ aerobe และ anaerobe ตัวอย่างที่เก็บจากเนื้อเยื่อในชั้นลึกของแผลจะมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด รองลงมาคือหนอง ตามด้วยการเพาะเชื้อจากปากแผลซึ่งมีความน่าเชื่อถือต่ำที่สุด
Campbell BG. Bandages and drains. In: Tobias KM, Johnston SA (eds). Veterinary Surgery: Small Animal (1st ed) St. Louis: Elsevier, 2012;221-230.
Kirby BM. Peritoneum and retroperitoneum. In: Tobias KM, Johnston SA (eds). Veterinary Surgery: Small Animal (1st ed) St. Louis: Elsevier, 2012;1391-1423.
Brown DC. Wound infections and antimicrobial use. In: Tobias KM, Johnston SA (eds). Veterinary Surgery: Small Animal (1st ed) St. Louis: Elsevier, 2012;135-139.
Bonnie Campbell
Bonnie Campbell, College of Veterinary Medicine, Washington State University, USA อ่านเพิ่มเติม
กระดูกหักแบบเปิดหมายถึงกระดูกแตกหักที่เปิดรับการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งมีสาเหตุมาจาก...