เนื้องอกในช่องปาก
เผยแพร่แล้ว 24/10/2022
สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Español และ English
เนื้องอกในช่องปากพบได้บ่อยทั้งในสุนัขและแมวโดยมีโอกาสพบในสุนัขสูงกว่าแมว เนื้องอกในช่องปากคิดเป็นร้อยละ 6 ของเนื้องอกที่พบในสุนัขและร้อยละ 3 ของเนื้องอกที่พบในแมว (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)
ประเด็นสำคัญ
เนื้องอกในช่องปากที่พบได้มากที่สุดในสุนัขได้แก่ malignant melanoma squamous cell carcinoma fibrosarcoma และ acanthomatous ameloblastoma
ระยะของโรค ตำแหน่ง การแบ่งเกรดทางจุลพยาธิวิทยา มีส่วนในการพยากรณ์โรคเนื้องอกในช่องปาก การรักษามักทำโดยการผ่าตัดและการฉายรังสี
การเจาะต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงเพื่อเก็บตัวอย่างและการถ่ายภาพรังสีช่องอกมีความจำเป็นต่อการเฝ้าติดตามเนื้องอกในช่องปาก
Squamous cell carcinoma เป็นเนื้องอกในช่องปากที่พบบ่อยที่สุดในแมว รักษาได้ยากและมีการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี
บทนำ
เนื้องอกในช่องปากพบได้บ่อยทั้งในสุนัขและแมว โดยพบในสุนัขมากกว่าในแมว เนื้องอกในช่องปากคิดเป็นร้อยละ 6 ของเนื้องอกที่พบในสุนัข 1 และร้อยละ 3 ของเนื้องอกที่พบในแมว 2 เนื้องอกในช่องปากที่พบบ่อยที่สุดในสุนัขได้แก่ malignant melanoma squamous cell carcinoma fibrosarcoma และ acanthomatous ameloblastoma ในแมวจะพบ squamous cell carcinoma ในช่องปากมากที่สุด รองลงมาคือ fibrosarcoma ในบทความนี้จะให้ข้อมูลภาพรวมเกี่ยวกับเนื้องอกในส่วนช่องปากและช่องปากร่วมคอหอยของสุนัขและแมว อาการทางคลินิกของเนื้องอกในช่องปากที่พบได้บ่อย แนวทางการวินิจฉัย และแนวทางการรักษาที่มีในปัจจุบันรวมถึงการพยากรณ์โรค
แนวทางการวินิจฉัยและการบอกระยะของมะเร็ง (staging)
สัตว์ป่วยส่วนมากมักมาด้วยก้อนเนื้อที่เห็นได้ชัดในช่องปาก อย่างไรก็ตามเจ้าของอาจไม่สังเกตรอยโรคบริเวณปากโดยเฉพาะหากก้อนเนื้ออยู่ด้านหลังช่องปาก
อาการทางคลินิกที่พบบ่อยได้แก่ halitosis น้ำลายไหล dysphagia ฟันโยก น้ำหนักลด เจ็บบริเวณปาก อาการที่พบไม่บ่อยได้แก่ exophthalmos และ ใบหน้าไม่สมมาตร
ขั้นตอนการวินิจฉัยสัตว์ที่มาด้วยอาการมีก้อนเนื้อที่ช่องปากควรทำการซักประวัติอย่างละเอียดรวมถึงการตรวจร่างกาย ต่อจากนั้นจึงทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมและการทำ staging การวินิจฉัยเนื้องอกของช่องปากส่วนใหญ่อาศัยจุลพยาธิวิทยาซึ่งต้องทำการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเป็นบริเวณกว้างในขณะที่สัตว์ถูกวางยาสลบ การเก็บตัวอย่างเซลล์อย่างง่ายอาจทำได้แต่รอยโรคที่ช่องปากมักมีการอักเสบแบบทุติยภูมิ การติดเชื้อ ทำให้ตัวอย่างที่เก็บไม่สามารถใช้วินิจฉัยได้ รอยโรคบริเวณช่องปากมีเส้นเลือดมาเลี้ยงจำนวนมากจึงควรเตรียมการห้ามเลือดอย่างเหมาะสมหลังการเก็บตัวอย่างด้วยวิธี punch biopsy หรือ incisional biopsy เพื่อเป็นการป้องกันการนำเซลล์เนื้องอกมาติดที่ผิวหนังปกติ ควรเก็บตัวอย่างจากในช่องปากและหลีกเลี่ยงการเก็บผ่านผิวหนัง การพิจารณาตัดเนื้องอกออกหมดเพื่อหวังผลการรักษาในกรณีที่รอยโรคมีขนาดเล็กโดยเฉพาะบริเวณ labial mucosa อาจสามารถทำได้ แต่ไม่แนะนำให้ทำในกรณีที่รอยโรคมีขนาดใหญ่ 3
การวางยาสลบแบบทั้งตัวนอกจากทำให้ง่ายต่อการเก็บตัวอย่างชื้อเนื้อแล้วยังทำให้สามารถตรวจช่องปากได้อย่างละเอียด คอหอย ต่อมทอนซิล และเพดานแข็งควรได้รับการตรวจอย่างละเอียดรวมไปถึงขอบเขตของรอยโรค ต่อมาคือการถ่ายภาพรังสีช่องปากหรือการทำ computed tomography(CT) scan บริเวณศีรษะเพื่อประเมินการกระจายตัวของโรค การทำ CT scan สามารถให้รายละเอียดได้ดีกว่าและช่วยในการวิเคราะห์ตำแหน่งและขนาดของเนื้องอกได้อย่างแม่นยำรวมถึงการทำลายกระดูกที่เกิดขึ้น หลังจากการทำภาพวินิจฉัยแล้วจึงสามารถหาแนวทางในการผ่าตัดเพื่อนำก้อนเนื้อออกซึ่งอาจรวมไปถึงความพยายามในการตัดเนื้องอกออกเป็นวงกว้างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การฉีดสีเข้าไปที่ต่อมน้ำเหลืองเพื่อดูการแพร่กระจาย การทำ CT scan ยังช่วยในการวางแผนรักษาด้วยรังสีบำบัดกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้หรือเจ้าของไม่ยินยอม
การทำ staging ในการเฝ้าติดตามโรคควรทำโดยการเจาะเก็บตัวอย่างต่อมน้ำเหลือง mandibular lymph node หากสามารถคลำพบ(หรือแม้แต่คลำแล้วปกติ) การเจาะต่อมทอนซิลที่ดูผิดปกติ ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงประกอบด้วย mandibular parotid และ medial retropharyngeal lymph node ตามปกติแล้วมักคลำพบเพียง mandibular lymph node เท่านั้น การภ่ายภาพรังสีช่องอกมีประโยชน์ในการเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังบริเวณที่ไกลออกไปโดยอาจถ่ายภาพรังสีช่องอก 3 ท่าหรือทำ CT scan ช่องอก
การแบ่งระยะของเนื้องอกที่จัดทำโดย World Health Organization หรือ WHO สำหรับช่องปากสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับเนื้องอกในสุนัขได้ (ตารางที่1) และควรพิจารณาเป็นรายตัวไปเพราะระยะของเนื้องอกสามารถใช้พยากรณ์โรคได้โดยเฉพาะ malignant melanoma
T : Primary tumor | |||
- T1a without bone invasion
- T1b with bone invasion
- T2a without bone invasion
- T2b with bone invasion
- T3a without bone invasion
- T3b with bone invasion
|
|||
N: Regional lymph node | |||
- N1a no evidence of lymph node metastasis
- N1b evidence of lymph node metastasis
- N2a no evidence of lymph node metastasis
- N2b evidence of lymph node metastasis
|
|||
M: Distant metastasis | |||
|
|||
Stage I
Stage II Stage III Stage IV |
T1 T2 T3 Any T Any T Any T |
N0, N1a, N2a N0, N1a, N2a N0, N1a, N2a N1b N2b, N3 Any N |
M0 M0 M0 M0 M0 M1 |
ความรุนแรงของเนื้องอกในช่องปากมักมีความรุนแรงบริเวณที่เกิดโรคและมีโอกาสในการแพร่กระจายของเนื้องอกต่ำถึงปานกลาง(ยกเว้น malignant melanoma) พบบ่อยในสัตว์อายุมากกว่า 8 ปีและพบการสลายของกระดูกร่วมด้วย สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกในช่องปากได้แก่ cocker spaniel german shepherd german shorthaired pointer Weimaraner golden retriever Gordon setter miniature poodle chow และ boxer 3
การรักษาหลักสำหรับเนื้องอกในช่องปากได้แก่การผ่าตัดและการใช้รังสีบำบัด ขอบเขตของการผ่าตัดจะขึ้นกับตำแหน่งและขนาดของรอยโรค เกือบทุกกรณีจำเป็นต้องมีการตัดกระดูกออกด้วยและควรอธิบายให้เจ้าของสัตว์เข้าใจเพื่อให้สามารถควบคุมเนื้องอกในบริเวณนั้นได้ดีขึ้น ผลลัพธ์ด้านการใช้งานและความสวยงามหลังผ่าตัดในสัตว์ป่วยส่วนมากทั้งวิธี mandibulectomy(segmental และ hemi) maxillectomy(segmental) และ orbitectomy ถือว่าดีมากและเจ้าของสัตว์มีความพึงพอใจสูง เนื้องอกส่วนใหญ่ต้องมีขอบเขตในการผ่าตัดนำออกโดยรอบอย่างน้อย 2 เซนติเมตรเพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำซึ่งอาจเป็นความท้าทายอย่างมากในกรณีที่เนื้องอกอยู่ด้านหลังของช่องปากหรือเนื้องอกอยู่เลยตำแหน่งกึ่งกลางของเพดานปาก
รังสีบำบัดอาจใช้เป็นการรักษาหลักได้ในแง่ของการหวังผลการรักษา ประคับประคองอาการ หรืออาจใช้ร่วมกับการผ่าตัดที่ไม่สามารถนำเนื้องอกออกได้หมด ควรพิจารณาลักษณะทางชีวภาพของเนื้องอกแต่ละชนิด ประเมินการตอบสนองของเนื้องอกต่อการรักษาทั้งจากลักษณะที่มองเห็นและลักษณะทางจุลพยาธิวิทยาเพื่อวางแผนแนวการรักษาอย่างเหมาะสม
เนื้องอกในช่องปากของสุนัข
เนื้องอกชนิดนี้มีความรุนแรงบริเวณรอยโรคและมีโอกาสแพร่กระจายสูง ตำแหน่งที่เนื้องอกมักกระจายไปได้แก่ ต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง (มากถึงร้อยละ 74) และปอด (มากถึงร้อยละ 67) ระบบการแบ่งระยะของเนื้องอกโดย WHO สามารถใช้พยากรณ์โรค malignant melanoma ได้ โดยขนาดของเนื้องอกมีผลมากที่สุด อัตราการแพร่กระจายขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่งและระยะของเนื้องอก ปัจจัยอื่นที่ทำให้การพยากรณ์โรคออกมาไม่ดีได้แก่การไม่สามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกออกได้หมด ตำแน่งของเนื้องอก(caudal mandible และ rostral maxilla) mitotic index >3 การสลายของกระดูก 5 และค่า ki-67 value protein สูงจากการตรวจชิ้นเนื้อซึ่งมีการบันทึกเมื่อเร็วนี้ 6
การผ่าตัดและการฉายรังสีบำบัดช่วยให้สามารถควบคุมเนื้องอกได้ดี ข้อกังวลในการรักษาเนื้องอกชนิดนี้อยู่ที่ข้อจำกัดในการรักษาทางระบบที่มีน้อยและข้อเท็จจริงที่ว่าสัตว์ป่วยมักเสียชีวิตจากการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังจุดที่ห่างไกล
การรักษาพื้นฐานในกรณีที่ไม่พบการกระจายของเนื้องอกไปยังอวัยวะอื่นอาศัยการผ่าตัดโดยตัดออกเป็นวงกว้าง การผ่าตัดถือว่าเป็นวิธีที่เร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายในสัตว์ป่วยส่วนใหญ่ซึ่งสามารถหวังผลการรักษาได้ การฉายรังสีบำบัดสามารถนำมาใช้ในกรณีไม่สามารถผ่าเอาเนื้องอกออกได้หมด บริเวณผ่าตัดค่อนข้างแคบ หรือใช้ทดแทนการผ่าตัดหากประเมินแล้วว่าไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ การใช้รังสีบำบัดใช้วิธีฉาย hypo-fractionated ขนาด 6-9 Gy สัปดาห์ละครั้งจนถึงขนาด 24-36 Gy พบว่าก้อนเนื้อตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
Malignant melanoma มีความต้านทานต่อยาเคมีบำบัด platinum agent ถูกนำมาใช้บ่อยเพื่อการควบคุมทั้งระบบและ/หรือทำให้เนื้องอกมีความไวต่อรังสีบำบัดมากขึ้น ยา carboplatin และ melphalan มีโอกาสนำมาใช้รักษาได้แต่ผลการตอบสนองต่อยาที่มีบันทึกไว้พบว่าน้อยกว่าร้อยละ 30 3
การพยากรณ์โรคสำหรับสุนัขที่มี malignant melanoma ถือว่าไม่ดีนัก melanoma ที่อยู่ในระยะที่ 1 ซึ่งได้รับการรักษามาตรฐานประกอบไปด้วยการผ่าตัด การฉายรังสีบำบัด และเคมีบำบัดมีอัตรารอดชีวิตเฉลี่ยที่ 12-14 เดือน โดยที่สุนัขส่วนมากเสียชีวิตจากกการแพร่กระจายของเนื้องอกมากกว่าจากเนื้องอกที่ตำแหน่งหลัก 5 ด้วยสาเหตุนี้จึงมีการศึกษาเพื่อหาการรักษาทางระบบที่พุ่งเป้าไปยังเนื้องอกทุติยภูมิจากการแพร่กระจาย ภูมิคุ้มกันบำบัดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นไปได้ ในบางประเทศได้มีการขึ้นทะเบียน DNA วัคซีนสำหรับสุนัขที่เป็น melanoma ในช่องปาก วัคซีนได้จากการถอดรหัสโปรตีนในคนที่เรียกว่า tyrosinase ซึ่งพบได้ทั้งในเซลล์มะเร็ง melanoma ของคนและสุนัข การฉีดวัคซีนจะกระตุ้นให้สุนัขสร้างโปรตีน tyrosinase ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายมีการตอบสนองต่อโปรตีนและทำลายโปรตีนชนิดเดียวกันที่อยู่บนเซลล์มะเร็ง 7 วัคซีนสามารถฉีดเข้าใต้ผิวหนังทุก 2 สัปดาห์จำนวน 4 ครั้ง ต่อหนึ่งคอร์สการรักษาจากนั้นกระตุ้นซ้ำทุก 6เ ดือน ถึงแม้จะมีราคาแพงแต่มีผลข้างเคียงต่ำ
การแสดงออกข้อง COX-2 ที่มากกว่าปกติใน cutaneous oral และ ocular melanoma นำไปสู่แนวคิดว่ายากลุ่ม NSAIDs อาจมีบทบาทสำคัญในการรักษามะเร็งชนิดนี้ 8 มีการศึกษาต่อเนื่องเกี่ยวกับการแสดงออกของ KIT หรือตัวรับ transmembrane tyrosine kinase ที่พบใน malignant melanoma และการนำมาใช้เพื่อเป็นเป้าหมายของยาต้านมะเร็งชนิดใหม่ ศักยภาพของ tyrosine kinase inhibitor ในฐานะยารักษามะเร็งชนิดนี้ยังอยู่ขั้นเริ่มต้น
ในกรณีของ non-tonsillar SCC จะมีลักษณะสำคัญอยู่ที่ตำแหน่งและขนาดเช่นเดียวกับเนื้องอกชนิดอื่นในช่องปาก ความท้าทายอยู่ที่การควบคุมตำแหน่งของเนื้องอก ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสการแพร่กระจายต่ำควรทำการระบุระยะของเนื้องอกเพื่อการวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง การจัดการเนื้องอกสามารถทำได้โดยการผ่าตัดหรือการใช้รังสีบำบัดและหลายกรณีมักใช้สองวิธีร่วมกัน ผลการรักษาเนื้องอกที่บริเวณกรามล่างมักให้ผลที่ดีกว่ากรามบน การกลับมาเป็นซ้ำหลังตัดกรามล่าง(mandibulectomy)อยู่ที่ร้อยละ 8 เมื่อสามารถเลาะเนื้องอกโดยมีขอบอย่างน้อย 1 เซนติเมตร อัตราการรอดชีวิตในช่วงหนึ่งปีอยู่ที่ร้อยละ 91 และอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ 19-26 เดือน หลังจากการตัดกรามบน(maxillectomy) มีการกลับมาเป็นซ้ำร้อยละ 29 อัตราการรอดชีวิตในช่วงหนึ่งปีอยู่ที่ร้อยละ 57 และอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ 10-19 เดือน 10 การผ่าตัดเพื่อเลาะเนื้องอกชนิด SCC แนะนำให้มีขอบอย่างน้อย 2 เซนติเมตร หากไม่สามารถผ่าตัดออกได้(ปัญหาด้านขนาดหรือตำแหน่ง) หรือเมื่อขอบเขตการผ่าไม่สมบูรณ์หรือแคบ สามารถใช้รังสีบำบัดทดแทนได้ มีการศึกษาหลายชิ้นเพื่อดูการรอดชีวิตหลังทำการฉายแสง ในการศึกษาหนึ่งทำการฉายรังสีจนครบคอร์สการรักษาในสุนัข 19 ตัวพบว่ามีระยะปลอดเนื้องอกอยู่ที่ 36 เดือน ความล้มเหลวในการรักษามีสาเหตุจากการกลับมาเป็นซ้ำของเนื้องอกมากกว่าการแพร่กระจายไปตำแหน่งอื่น ในอีกรายงานหนึ่งพบว่ามีช่วงเวลาปลอดเนื้องอกเฉลี่ยและอัตรารอดชีวิตอยู่ที่ 12 และ14 เดือนตามลำดับในสุนัขที่ได้รับการฉายแสงบำบัดจนครบคอร์ส 10 การจัดการเนื้องอกบริเวณตำแหน่งงรอยโรคสามารถทำได้ดีในเนื้องอกที่มีขนาดเล็ก เนื้องอกที่อยู่ด้านหน้าของช่องปาก อยู่บนกรามล่าง และสัตว์ป่วยอายุน้อย
การทำเคมีบำบัดไม่แนะนำในกรณีของ SCC ในช่องปาก แต่อาจทำได้ในกรณีที่พบการแพร่กระจายไปยังจุดอื่น ก้อนเนื้อมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หรือเจ้าของสัตว์ปฏิเสธการผ่าตัดหรือการฉายรังสี สารเคมีที่เลือกใช้ควรเป็น platinum agent การใช้ยากลุ่ม NSAID สามารถให้ร่วมกับการทำเคมีบำบัดหรือใช้เป็นการรักษาหลักเมื่อเจ้าของปฏิเสธการรักษาที่รุนแรงกว่านี้
With a generally recognized low metastatic rate the role of chemotherapy here has not been fully identified and the focus should remain on local disease control.
Canine acanthomatous ameloblastoma หรือ CAA เป็นชื่อเรียกเนื้องอกชนิดไม่รุนแรงที่มีต้นกำเนิดจากฟัน(odontogenic) หรือ epulis นิยาม epulis ใช้อธิบายรอยโรคจากการเจริญของเหงือกที่ผิดปกติ เนื้องอก odontogenic พบได้ยากและมักสร้างความสับสนกับรอยโรคอื่นของเหงือก ลักษณะทางจุลพยาธิวิทยาของ acanthomatous epulis เหมือนกับ ameloblastoma ในคน อย่างไรก็ตามเนื้องอกมีความรุนแรงในตัวเอง มีการทำลายกระดูกที่อยู่ข้างใต้ซึ่งต่างจากเนื้องอก odontogenic ชนิดอื่น โดยมีความรุนแรงความคล้ายคลึงกับ intra-osseous ameloblastoma ในคน ทำให้เนื้องอกชนิดนี้ได้ชื่อใหม่ว่า CAA ด้วยลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับเนื้องอกในคน 12
CAA พบมากที่ตำแหน่งด้านหน้าของกรามล่าง สุนัขพันธุ์ golden retriever akita cocker spaniel และ Shetland sheepdog มีโอกาสพบมากกว่าสายพันธุ์อื่น 3 12 ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายดอกกะหล่ำ สีแดง และมีแผลหลุม(รูป 3) เนื้องอกชนิดนี้มีความรุนแรงที่ตำแหน่งรอยโรคแต่ไม่พบว่ามีการกระจายตัวของเนื้องอกทำให้การจัดการที่ตำแหน่งเนื้องอกเป็นการรักษาหลักซึ่งนิยมปฏิบัติ การผ่าตัดนิยิมใช้วิธี mandibulectomy หรือ maxillectomy โอกาสกลับมาเป็นซ้ำค่อนข้างต่ำหากขอบเขตการผ่าตัดกว้างพอ การทำ CT scan ก่อนการผ่าตัดเพื่อดูขอบเขตของกระดูกที่ถูกทำลายจะเป็นประโยชน์อย่างมาก(รูป 4) การรักษาด้วยวิธีรังสีบำบัดสามารถทำได้หากประเมินว่าขอบเขตการผ่าตัดไม่เพียงพอหรือเพื่อรักษาการใช้งาน/ความสวยงามของปาก มีรายงานว่าเนื้องอกชนิดนี้ตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยรังสีบำบัดและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำที่ร้อยละ 18 โดยการกลับมาเป็นซ้ำมีโอกาสพบในก้อนเนื้อขนาดใหญ่มากกว่า 13 การฉีดยา bleomycin เข้าที่ก้อนเนื้อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาที่สามารถทำได้ 14
การพยากรณ์โรคสำหรับเนื้องอกชนิดนี้ถือว่าดีเยี่ยมสำหรับสัตว์ป่วยส่วนมาก หากมีการเสียชีวิตมักไม่เกี่ยวข้องกับเนื้องอก odontogenic
งานตีพิมพ์ไม่นานนี้ได้อธิบายถึงการผ่าตัดที่ไม่รุนแรงสำหรับการรักษาเนื้องอกชนิดนี้ ทำได้โดยการเหลือกระดูก cortical bone ของกรามล่าง หรือส่วน dorsal ของกรามบนไว้ในขณะที่เลาะเนื้องอก ฟันที่อยู่รอบเนื้องอกและโครงสร้างปริทันต์ออกไป ข้อดีที่เห็นได้ชัดคือลดโอกาสการเกิด mandibular drift และฟันมีการสบกันได้ดีขึ้น มีสัตว์ป่วย 9 รายที่กลับมาติดตามอาการโดยไม่พบการกลับมาเป็นซ้ำตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 5 ปี และเจ้าของสัตว์มีความพึงพอใจอย่างมาก 15 รอยโรคที่เหมาะกับการพิจารณาผ่าตัดด้วยวิธีดังกล่าวมีขนาดเล็กกว่า 2 เซนติเมตร และมีการกินเข้าไปในเนื้อกระดูกน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ทำให้การผ่าตัดแบบธรรมดาด้วยการยกกระดูกออกเหมาะสมกับรอยโรคที่มีขนาดใหญ่กว่า
เนื้องอกในช่องปากแมว
Squamous cell carcinoma
เนื้องอกชนิดนี้เป็นเนื้องอกในช่องปากที่พบบ่อยที่สุดในแมวคิดเป็นร้อยละ 65 ของเนื้องอกในช่องปากแมว สามารถเกิดได้ที่พื้นผิวของเนื้อเยื่อ mucosa ในช่องปากตำแหน่งใดก็ได้ซึ่งรวมถึงใต้ลิ้น ทอนซิล และคอหอย ตัวเนื้องอกมีความรุนแรงสูงและมักก่อให้เกิดการทำลายกระดูกข้างเคียง อัตราการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงและอวัยวะอื่นค่อนข้างต่ำอยู่ที่ร้อยละ 10 การศึกษาด้านระบาดวิทยาให้ความเห็นว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่โน้มนำให้เกิด SCC แต่ยังไม่มีการศึกษาควบคุมชนิดไปข้างหน้าที่จะยืนยันแนวคิดนี้ได้ 16 อายุเฉลี่ยของแมวป่วยอยู่ที่ 10-12 ปี หากพบรอยโรคใดในช่องปากของแมวสูงอายุควรทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพื่อที่การรักษาแต่เนิ่นจะทำให้การพยากรณ์โรคดีขึ้น แมวหลายตัวมักมาด้วยปัญหาก้อนเนื้อในช่องปากและแสดงอาการ ptyalism halitosis บางรายอาจแสดงภาวะ dysphagia การแบ่งระยะของเนื้องอกใช้เกณฑ์เดียวกับในสุนัขรวมถึงการเจาะตรวจต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงและภาพถ่ายรังสีช่องอก 3 ภาพ การถ่ายภาพรังสีช่องปากอาจช่วยในการระบุการทำลายกระดูกที่เกิดขึ้นแต่การทำ CT scan จะได้ความแม่นยำถูกต้องมากกว่าในการประเมินความเสียหายของกระดูกและควรทำในสัตว์ป่วยทุกรายที่มีแผนการรักษาหนักหน่วง
SCC เป็นเนื้องอกที่มีความท้าทายอย่างมากในการรักษารวมถึงมีการพยากรณ์โรคที่ไม่ดีนัก การรักษาโดยการผ่าตัดและการใช้รังสีบำบัดสามารถทำได้แต่อัตรารอดชีวิตเฉลี่ยค่อนข้างสั้น โดยมากมักไม่เกิน 3 เดือนและอัตรารอดชีวิตที่ 1ปีนั้นน้อยกว่าร้อยละ 10 อย่างไรก็ตามการพยากรณ์โรคจะมีแนวโน้มดีขึ้นหากก้อนเนื้อมีขนาดเล็กและอยู่ด้านหน้าของช่องปากที่จะสามารถผ่าตัดได้เป็นบริเวณกว้างและ/หรือร่วมกับการรักษาโดยรังสีบำบัด การตัดกรามออกร่วมกับการใช้รังสีบำบัดทำให้อัตรารอดชีวิตเฉลี่ยที่ 14 เดือน การรักษาโดยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยเพิ่มระยะเวลารอดชีวิตอย่างมีนัยสำคัญเพราะก้อนเนื้อมีความรุนแรงสูงและมักผ่าออกเป็นบริเวณกว้างได้ลำบาก ในทางกลับกันการรักษาประคองอาการด้วยรังสีบำบัดไมได้ช่วยเพิ่มอัตรารอดชีวิตให้สูงกว่าการไม่รักษา ในปัจจุบันยังไม่มียาเคมีบำบัดที่ได้ผลในการรักษา SCC ในอดีตมีรายงานผลที่ดีจากการใช้รังสีบำบัดร่วมกับสารที่ทำให้ไวต่อรังสีแต่พบว่ามีการกลับมาเป็นซ้ำไวมาก งานวิจัยเมื่อเร็วนี้ใช้กระบวนการรักษาด้วยเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีโดยฉายรังสี 3.5 Gy 14 fraction จนได้ขนาดรวม 49 Gy ในระยะเวลา 9วันร่วมกับการฉีด carboplatin เข้าหลอดเลือดดำ ขั้นตอนการรักษาถือว่ารุนแรงแต่แมวมีความทนต่อการรักษาได้โดยมีอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ยที่ 169 วัน แมวที่มีรอยโรคที่ต่อมทอนซิลหรือแก้มจะมีอัตรารอดชีวิตยาวนานขึ้น 17
การให้ยาลดความเจ็บปวด ยากลุ่ม NSAIDs และยาปฏิชีวนะ รวมถึงการประเมินคุณภาพชีวิตอย่างสม่ำเสมอมีความสำคัญในการจัดการสัตว์ป่วยเหล่านี้
สรุป
สาเหตุการเกิดเนื้องอกในช่องปากของสุนัขและแมวนั้นไม่ได้มีการบันทึกไว้อย่างละเอียด เมื่อเปรียบเทียบกับในคนพบว่า SCC มีความเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ สิ่งที่เหมือนกันคือระยะของเนื้องอก ตำแหน่งและการแบ่งเกรดทางจุลพยาธิวิทยาสามารถพยากรณ์โรคได้ ทางเลือกในการรักษาเน้นที่การผ่าตัดและการใช้รังสีบำบัด การตรวจวินิจฉัยครั้งแรกมีความสำคัญอย่างมากในการได้มาซึ่งคำวินิจฉัยโรค การแบ่งระยะทางคลินิก และแนวทางการรักษาที่เหมาะสม รวมไปถึงการพยากรณ์โรคสำหรับสัตว์ป่วยแต่ละตัว การจัดการเนื้องอกที่ตำแหน่งรอยโรคเป็นเป้าหมายหลักสำหรับเนื้องอกส่วนใหญ่ยกเว้น malignant melanoma ความก้าวหน้าและการพัฒนาความสามารถในการฉายรังสี(รูป 5)สำหรับสัตว์ป่วยอาจทำให้มีการใช้งานมากขึ้นในการรักษาเนื้องอกและนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาแบบบูรณาการร่วมกับวิธีการผ่าตัดและเคมีบำบัดตามความเหมาะสม
พิเศษสำหรับสัตวแพทย์ไทย
เข้าทำเเบบทดสอบเพื่อสะสม VET-CE ภายในวันที่ 1พ.ย.- 31 ธ.ค. 2022
ทำแบบทดสอบ VET-CE
แหล่งอ้างอิง
- Hoyt RF, Withrow SJ, Hoyt RF, et al. Oral malignancy in the dog. J Am Anim Hosp Assoc 1984;20:83-92.
- Stebbins KE, Morse CC, Goldschmidt MH. Feline oral neoplasia: a ten-year survey. Vet Pathol 1989;26:121-8.
-
Liptak JM, Withrow SJ. Oral Tumors. In: Withrow, SJ and Vail, DM eds. Small Animal Clinical Oncology 4th ed. St Louis, Missouri: Saunders Elsevier; 2007:455-510.
- Ramos-Vara JA, Beissenherz ME, Miller MA, et al. Retrospective study of 338 canine oral melanomas with clinical, histologic, and immunohistochemical review of 129 cases. Vet Pathol 2000;37(6):597-608.
- Bergman PJ. Canine oral melanoma. Clin Tech Small Anim Pract 2007;22(2): 55-60.
- Bergin IL, Smedley RC, Esplin DG, et al. Prognostic evaluation of Ki67 threshold value in canine oral melanoma. Vet Pathol 2011;48(1):41-53.
- USDA licenses DNA vaccine for treatment of melanoma in dogs. J Am Vet Med Assoc 2010;236(5):495.
- Pires I, Garcia A, Prada J, et al. COX-1 and COX-2 expression in canine cutaneous, oral and ocular melanocytic tumors. J Comp Pathol 2010;143(2- 3):142-9.
- Clarke BS, Mannion PA, White RAS. Rib metastases from a non-tonsillar squamous cell carcinoma in a dog. J Small Anim Pract 2011;52(3):163-7. 10.
- Grier CK, Mayer MN. Radiation therapy of canine nontonsillar squamous cell carcinoma. Can Vet J - Revue Vétérinaire Canadienne 2007;48(11):1189-91.
- Frazier SA, Johns SM, Ortega J, et al. Outcome in dogs with surgically resected oral fibrosarcoma (1997-2008). Vet Comp Oncol 2012;10(1):33-43.
- Fiani N, Verstraete FJM, Kass PH, et al. Clinicopathologic characterization of odontogenic tumors and focal fibrous hyperplasia in dogs: 152 cases (1995-2005). J Am Vet Med Assoc 2011;238(4):495-500.
- Mayer MN, Anthony JM. Radiation therapy for oral tumors: Canine acanthomatous ameloblastoma. Can Vet J - Revue Vétérinaire Canadienne. 2007;48(1):99-101.
- Kelly JM, Belding BA, Schaefer AK. Acanthomatous ameloblastoma in dogs treated with intralesional bleomycin. Vet Comp Oncol 2010;8(2):81-6.
- Murray RL, Aitken ML, Gottfried SD. The use of rim excision as a treatment for canine acanthomatous ameloblastoma. J Am Anim Hosp Assoc 2010;46(2): 91-6.
- Moore A. Treatment choices for oral cancer in cats; What is possible? What is reasonable? J Fel Med Surg 2009;11(1):23-31.
- Fidel J, Lyons J, Tripp C, et al. Treatment of oral squamous cell carcinoma with accelerated radiation therapy and concomitant carboplatin in cats. J Vet Int Med 2011;25(3):504-10.
Lassara McCartan
Lassara McCartan, Royal (Dick) School of Veterinary Studies, University of Edinburgh, สหราชอาณาจักร อ่านเพิ่มเติม
David Argyle
David Argyle, Royal (Dick) School of Veterinary Studies, University of Edinburgh, สหราชอาณาจักร อ่านเพิ่มเติม