วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์
วารสารเชิงวิชาการและการรักษาสัตวป่วยเพื่อผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์

หมายเลขหัวข้อ 31.1 Other Scientific

Cutaneous lymphoma ในแมว

เผยแพร่แล้ว 07/09/2022

เขียนโดย Hannah Lipscomb และ Filippo De Bellis

สามารถอ่านได้ใน Français , Deutsch , Italiano , Română , Español , English และ 한국어

Cutaneous lymphoma ในแมวพบได้ยากแต่ถือเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตซึ่งจำเป็นต้องบรรจุไว้ใน้ข้อวินิจฉัยแยกแยะในโรคผิวหนังหลายกรณี ในบทความนี้จะกล่าวถึงข้อมูลในปัจจุบันและแนวทางในการรักษา (แปลโดย น.สพ. พีระ มานิตยกุล)

แมวที่เป็น CNEL ซึ่งมีการกระจายตัวของรอยโรคบนใบหน้า ลักษณะเป็นปื้นแดงและตุ่มเนื้อที่อยู่ติดกันจนถึงรวมกัน ผิวหนังบางส่วนพบขนร่วง ผิวหนังหลุดลอกและแผลหลุมโดยเฉพาะบริเวณเหนือตาขวา และส่วนที่พับของริมฝีปากบริเวณกรามล่าง © F. Leone

ประเด็นสำคัญ

Cutaneous lymphoma ในแมวพบได้ยากแต่ถือเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรง (malignant neoplasm) ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น epitheliotropic และ non-epitheliotropic form โดยในแมวจะพบอย่างหลังมากกว่า


รอยโรคที่ผิวหนังอาจพบลักษณะเป็นดวง(patch) ปื้น(plaque) ตุ่มเนื้อ(nodule) ซึ่งอาจเกิดเฉพาะที่หรือทั่วร่างกายโดยไม่มีตำแหน่งเฉพาะ


มีรายงานเกี่ยวกับการรักษาน้อยมาก ในขั้นแรกมักเลือกใช้การรักษาเฉพาะตำแหน่งที่ผิวหนังและลำดับถัดมาคือการใช้เคมีบำบัดทั่วร่างกายซึ่งอาจใช้สารหนึ่งชนิดหรือมากกว่า


แมวที่ป่วยด้วย lymphoma ชนิด epitheliotropic form มีอัตรารอดชีวิตเฉลี่ย(median survival time) อยู่ที่ 10 เดือน ในขณะที่ non-epitheliotropic form แย่กว่าอยู่ที่ 4-8 เดือน


บทนำ

Lymphoma เป็นเนื้องอกที่ได้รับการวินิจฉัยบ่อยที่สุดในแมวคิดเป็นร้อยละ 50 ของเนื้องอกทั้งหมดในสัตว์ชนิดนี้ จากจำนวนนี้พบว่าเป็น cutaneous lymphoma ร้อยละ 0.2-0.3 ถือเป็นสาระสำคัญว่าเนื้องอกชนิดนี้พบได้ยากแต่มีความรุนแรงสูง 1 ในปัจจุบันมีรายงานการตีพิมพ์เกี่ยวกับ cutaneous lymphoma ในแมวน้อยมากเทียบกับในคนและสุนัขที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายและได้รับการบันทึกไว้มากกว่า 23

Cutaneous lymphoma ถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบจากระบบการแบ่งที่ใช้ในการแพทย์ของคนได้แก่ epitheliotropic และ non-epitheliotropic form โดยดูจากการที่มี neoplastic lymphocyte เข้าแทรกอยู่ในผิวหนังชั้น epidermis dermis และ adnexa (epitheliotropic form) หรือแทรกอยู่ในชั้น dermis และ subcutis (non – epitheliotropic form) 4 หากจะกล่าวอย่างจำเพาะคือ feline cutaneous epitheliotropic lymphoma(CETL) จะไม่มีการรุกรานของเซลล์มะเร็งเข้าสู่ adnexal gland2 

CETL อยู่ในกลุ่มย่อยของ cutaneous T-cell lymphoma(CTCL) และยังสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น mycosis fungoides Sezary syndrome(รูปแบบหนึ่งของ leukemia) และ pagetoid reticulosis 234 โดยในแมวยังไม่พบกรณีสุดท้าย 2 cutaneous non-epitheliotropic lymphoma(CNEL) พบในแมวได้บ่อยกว่า CTCL ซึ่งประกอบด้วย indolent T-cell lymphoma(cutaneous lymphocytosis) diffuse T-cell lymphoma T-cell -rich large B-cell lymphoma และ lymphoplasmacytic lymphoma 1 ในช่วงที่ผ่านมาได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับอาการในกลุ่มย่อยของ CNEL ในแมวได้แก่ injection site cutaneous lymphoma tarsal lymphoma และ CNEL ที่เกิดบริเวณที่กระดูกหัก ซึ่งทั้ง 3 กรณีขาดคุณสมบัติที่จะอยู่ในกลุ่ม epitheliotropic แต่มีอาการและพยาธิสภาพเฉพาะตัวที่จะเป็นโรคใหม่ได้ 156 ในสุนัขและคนจะพบ CETL ได้บ่อยกว่าและส่งผลให้เกิดการวิจัยในแมวมากขึ้น 1

สาเหตุการเกิดโรคและปัจจัยโน้มนำ

Cutaneous lymphoma พบในแมวอายุมากโดยมีอายุเฉลี่ยที่เริ่มพบโรคคือ 10 ปีโดยไม่มีความจำเพาะต่อเพศและพันธุ์ 37 จากการที่เป็นโรคที่พบได้ยากในแมวทำให้ยังไม่เข้าใจสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด 37 lymphoma ในแมวที่พบได้บ่อยกว่าได้แก่ mediastinal lymphoma และ multicentric lymphoma มีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัส(FeLV และ FIV)แต่ยังไม่พบหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์แบบเดียวกันใน cutaneous lymphoma 1238 อย่างไรก็ตามในการศึกษาหนึ่ง 9 ได้ใช้ PCR ตรวจพบ FeLV provirus DNA ในเนื้องอกจากแมวที่เป็น CNEL จากการค้นพบนี้ทำให้ไม่สามารถตัด FeLV และ/หรือไวรัสชนิดอื่นจากสาเหตุได้เต็มที่ 3 การวินิจฉัยระดับโมเลกุลที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นอาจจำเป็นในการยืนยันความเกี่ยวข้องระหว่างเนื้องอกชนิดนี้และเชื้อไวรัส 9

มีการนำเสนอสมมติฐานเกี่ยวกับปัจจัยอื่นๆที่อาจมีความเกี่ยวข้อง มีรายงานเกี่ยวกับแมว 2 ตัว ที่ป่วยด้วยโรค dermopathy follicular mucinosis ซึ่งพบได้ยากมากและมีข้อมูลที่จำกัด ในภายหลังพบว่าทั้ง 2 ตัวมีการพัฒนาของโรคไปเป็น CETL 710 ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถยืนยันว่า follicular mucinosis มีการพัฒนาไปเป็น CETL แต่ follicular mucinosis อาจเป็นปัจจัยโน้มนำหรือตัวบ่งชี้ถึงโรคที่ร้ายแรงกว่า นอกจากนี้การมีอยู่ของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังในคนและสุนัขที่ป่วยด้วยโรค CTCL มีการวิจัยว่ามีโอกาสเป็นปัจจัยโน้มนำของมะเร็งผิวหนังได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของโรคผิวหนังอักเสบเช่น อะโทปีไปเป็นเนื้องอกยังไม่ได้มีการพิสูจน์ทั้งในแมว คน และสุนัข 3

ปัจจัยโน้มนำของ CNEL ในแมวได้มีการศึกษาในแมว 17 ตัวซึ่งพบ CNEL ตำแหน่งที่ฉีดยาเชื่อมโยงกับรายงานสัตว์ป่วยของแมวที่พบ CNEL ตำแหน่งที่เกิดการหักของกระดูก สาเหตุของการเชื่อมโยงเกิดจากการที่ผู้ทำการศึกษาของทั้งสอง 2 กรณีเสนอว่าการอักเสบเรื้อรัง(จากการฉีดยาและการหักของกระดูกตามลำดับ)มีแนวโน้มที่จะเป็นสาเหตุของการพัฒนาไปเป็นเนื้อร้าย 15 การอักเสบเรื้อรังในคนมีการบันทึกว่ามีโอกาสเป็น nidus ของ B-cell lymphoma นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นที่อาจเป็น nidus ได้เช่นการผ่าตัด การบาดเจ็บ อุปกรณ์โลหะ(implant) และการติดเชื้อไวรัส 1

อาการทางคลินิกและการวินิจฉัย

Cutaneous epitheliotropic lymphoma

กรณีที่มีรายงานการพบมากที่สุดของ CETL ในแมวคือ mycosis fungoides 3 เมื่อเนื้องอกเกิดขึ้นจะมีการดำเนินไปอย่างช้าๆและอาจไม่พบการเปลี่ยนแปลงทางระบบหรือความผิดปกติจากการตรวจเลือดที่สังเกตได้ชัดเจน311 นอกจากนี้แมวที่ป่วยด้วยโรค Sezary syndrome มักมาด้วยอาการคันและต่อมน้ำเหลืองโตรวมถึงพบภาวะ leukemia ในกระแสเลือด 211

การตรวจผิวหนังอาจพบรอยโรคที่อาจเกิดเฉพาะที่หรือกระจายทั่วตัว ลักษณะที่พบจะเป็น exfoliative erythroderma วง(patch) ปื้น(plaque) ผิวหนังหลุดลอก(erosion)และแผลหลุม(ulcer)(รูป 1) รอยโรคที่ mucocutaneous junction(รูป 2) และในช่องปาก(รูป 3) 312ผลที่ได้คือรอยโรคที่มีความคล้ายคลึงกับการติดเชื้อปรสิต(Demodex spp.) การติดเชื้อ(dermatophyte) และโรคภูมิแพ้ผิวหนัง(eosinophilic granuloma complex) 712มีรายงานสัตว์ป่วยฉบับหนึ่งกล่าวถึงแมวที่ป่วยด้วยโรค CETL ที่มีอาการทางคลินิกแตกต่างออกไปอย่างชัดเจนโดยพบตุ่มเนื้อ(nodule)บริเวณปลายหางที่มีระยะเวลาเกิดโรคสั้น 13 จากกรณีนี้ทำให้การวินิจฉัยแยกแยะ CETL ทำได้ยากมากขึ้นเพราะดูเหมือนว่าการแสดงออกทางคลินิกของ CETL จะไม่สามารถคาดเดาได้ 

รูป 1 แมวที่ป่วยด้วยโรค CETL พบขนร่วง รังแค และสะเก็ดล้อมรอบบริเวณที่มีลักษณะหลุดลอกของผิวหนังเป็นปื้นแดง ผิวหนังรอบรอยโรคมีลักษณะแดงและมีรังแค

รูป 1 แมวที่ป่วยด้วยโรค CETL พบขนร่วง รังแค และสะเก็ดล้อมรอบบริเวณที่มีลักษณะหลุดลอกของผิวหนังเป็นปื้นแดง ผิวหนังรอบรอยโรคมีลักษณะแดงและมีรังแค © J. Fontaine and J. Ngo

รูป 2 การสูญเสียเม็ดสีบริเวณ philtrum right medial canthus และ nasal planum ในแมวที่เป็น CETL

รูป 2 การสูญเสียเม็ดสีบริเวณ philtrum right medial canthus และ nasal planum ในแมวที่เป็น CETL พบรอยโรคที่มีการหลุดลอกของผิวหนังยกตัวขึ้นเป็นปื้นในบริเวณเดียวกันและขยายไปสู่ริมฝีปากบนด้านซ้าย รูจมูกขวา และด้านบนของปาก ส่วน nasal planum ถูกปกคลุมด้วยสะเก็ด © C. Dedola

รูป 3 รอยโรคที่มีลักษณะเหมือนก้อนเนื้อที่มีแผลหลุมและมีเลือดออกในส่วนหน้าสุดของบริเวณ mucocutaneous junction ของริมฝีปากล่างด้านซ้ายที่มีสาเหตุจาก

รูป 3 รอยโรคที่มีลักษณะเหมือนก้อนเนื้อที่มีแผลหลุมและมีเลือดออกในส่วนหน้าสุดของบริเวณ mucocutaneous junction ของริมฝีปากล่างด้านซ้ายที่มีสาเหตุจาก CETL © N. Rich

การวินิจฉัยอาศัยผลจุลพยาธิวิทยา การวินิจฉัยยืนยันต้องพบเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟซัยต์ขนาดเล็กถึงกลางหรือขนาดกลางถึงใหญ่ที่มารวมกันบริเวณ epidermis 12 แต่นักพยาธิวิทยาอาจใช้คำอธิบายอื่นๆเช่น Pautrier’s microabscessation spongiosis และ apoptosis ของ keratinocyte การอักเสบแบบผสมผสาน orthokeratosis และ parakeratosis ของชั้น epidermis เป็นต้น 3 ผลจุลพยาธิวิทยาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแยกระหว่าง mycosis fungoides และ Sezary syndrome ออกจากกันได้ 711

แนวคิดว่า CETL ที่พบเกือบทั้งหมดมีต้นกำเนิดมาจาก T-cell ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางแต่ยังคงมีการศึกษานอกเหนือจากนั้นน้อยมากเกี่ยวกับลักษณะที่แสดงออกทางภูมิคุ้มกัน(immunophenotype) และพยาธิวิทยาภูมิคุ้มกันของ CETL ในแมว นักพยาธิวิทยาบางคนเชื่อว่าลักษณะที่แสดงออกทางภูมิคุ้มกันของ CETL ในแมวน่าจะมีความใกล้เคียงกับ mycosis fungoides ในคนจากการที่มี T-cell มาเกี่ยวข้องและคาดว่าเป็น helper T-cell(CD4) 3 อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ได้ถูกท้าทายจากการค้นพบ perforin ใน T-cell ของแมวที่ป่วยด้วย CETL perforin เป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่สร้างรูซึ่งบรรจุอยู่ใน cytoplasmic granule ของ cytotoxic T-cell(CD8) ทำหน้าที่ในการฆ่าเซลล์เป้าหมาย เป็นที่น่าเสียดายว่ายังไม่ได้มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงออกของ CD8 ในกรณีนี้ 13 จึงยังต้องมีการศึกษาต่อเนื่องเพื่อหาการแสดงออกทางภูมิคุ้มกันของ CETL ในแมว

Cutaneous non-epitheliotropic lymphoma

อาการทางคลินิกของ CNEL ที่พบคือตุ่มเนื้อหรือปื้นซึ่งอาจพบเดี่ยวๆหรือหลายตำแหน่งมักพบแผลหลุมร่วมด้วยโดยไม่มีอาการคัน(รูป 4 และ 5) สามารถพบสะเก็ด รังแค และผิวแดงได้(รูป 6) 214 ไม่มีตำแหน่งการเกิดที่แน่นอนแต่จากบทความทางวิชาการเสนอว่ารอยโรคอาจเกิดได้ที่ส่วนปลายของร่างกาย ตำแหน่งที่ฉีดยา(cutaneous lymphoma ที่ตำแหน่งฉีดยา) บริเวณ tarsus และตำแหน่งที่เคยเกิดการหักของกระดูก(CNEL ที่เกี่ยวข้องกับการหักของกระดูก) 15614 อาการของโรคอาจแสดงออกในรูปแบบของการบวมน้ำ ตุ่มเนื้อหรือก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง 156 แมวที่มีอาการไม่จำเพาะเจาะจงจัดเป็นรูปแบบหนึ่งของ cutaneous lymphoma ย้ำเตือนความสำคัญของการใส่ cutaneous lymphoma ในการวินิจฉัยแยกแยะเมื่อพบอาการบวม ตุ่มเนื้อ ก้อนเนื้อในชั้น cutis หรือ subcutis บนตำแหน่งที่แปลกไปของร่างกาย นอกจากนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ารอยโรคเกิดขึ้นนานเพียงใดก่อนที่จะได้รับการตรวจวินิจฉัยซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่หลายเดือนจนถึงหลายปีเทียบกับการดำเนินของโรคที่รวดเร็ว เกิดการแพร่กระจายไปยั่งต่อมน้ำเหลืองและส่วนอื่นๆของร่างกายซึ่งใช้เวลาไม่กี่วัน 125614

CNEL ถูกนิยามว่าเป็น diffuse poorly differentiated lymphocytic lymphoma 2 ทำให้เกิดความยากในการแยกออกจาก round cell tumor ชนิดอื่นที่เกิดบริเวณผิวหนัง histiocytic proliferative disorder และ mycosis fungoides ในระยะท้าย รายงานสัตว์ป่วยเมื่อไม่นานมานี้ได้บรรยายผลของจุลพยาธิวิทยาซึ่งพบการแทรกตัวของ tumor cell ที่มีลักษณะ well-differentiated ขนาดกลางถึงใหญ่ ระหว่างชั้น corium และ subcutis 514 นอกจากนี้ในกลุ่มย่อยของ CNEL ยังมีความผิดปกติทางจุลพยาธิวิทยาที่พบร่วมกันได้แก่เซลล์เนื้องอกที่มีค่า mitotic index สูงเรียงตัวเป็นแผ่น และบริเวณที่เกิดการ necrosis 156

CNEL เป็นโรคที่เกิดจากการแสดงออกทางภูมิคุ้มกันของ T-cell หรือ B-cell อย่างใดอย่างหนึ่งโดยมีตัวอย่างอยู่ในการศึกษาแยกกัน 2 ชิ้น การศึกษาหนึ่งพบว่าแมวที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น B-cell lymphoma มีจำนวนมากกว่า T-cell lymphoma 6 ในขณะที่การศึกษาอีกชิ้นให้ผลที่ตรงข้ามกัน 1 การแสดงออกทางภูมิคุ้มกันทราบได้โดยวิธี immunohistochemistry และการระบุแอนติเจนเฉพาะบนพื้นผิวด้านนอกซึ่งแสดงออกโดย neoplastic lymphocyte : CD3 ผ่าน T-cell และ CD79 ผ่าน B-cell 16 อย่างไรก็ตาม CNEL มีการแสดงออกของ T-cell ที่สูงกว่าและการตรวจพบ B-cell tumor ถือว่าเกิดได้ยากมาก 167

การรักษา CETL

หลักฐานทางการแพทย์ในการรักษา CETL ในแมวมีน้อยมากจึงประยุกต์จากแนวทางของคนและสุนัข การรักษาขั้นแรกในกรณีของคนที่มีรอยโรคระยะแรกซึ่งอาจเป็นเฉพาะที่และอยู่ที่บริเวณผิวหนังชั้นนอกเน้นไปที่การรักษาที่ผิวหนังโดยตรงผ่านการใช้ยาทาเฉพาะ การฉายแสง(phototherapy) การรักษาด้วยสารไวแสง(photodynamic therapy) และการฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัดแบบทั่วร่างกายถือเป็นการรักษาในขั้นที่สองซึ่งสงวนไว้ใช้ในกรณีที่มีความรุนแรงหรือเพื่อบรรเทาอาการ 15 รูปแบบแนวทางการรักษาที่จะกล่าวต่อไปเป็นแนวทางในปัจจุบันรวมถึงการรักษาที่กำลังได้รับการพัฒนาในคนและสุนัข โดยยาส่วนใหญ่ที่กล่าวถึงไมได้รับการขึ้นทะเบียนให้ใช้ในแมวแต่ในทางทฤษฎีแล้วอาจนำมาประยุกใช้ได้

ยาภายนอกเฉพาะที่
ยาสเตียรอยด์ชนิดทาถูกนำมาใช้ในคนที่เป็น CTCL ซึ่งออกฤทธิ์โดยการขัดขวางการจับตัวของลิมโฟซัยต์และ endothelial lining ที่นำไปสู่การตายของเซลล์(apoptosis) ผลการตอบสนองต่อยาถือว่าดีเยี่ยม(ร้อยละ 82-94) 15 แมวที่มีอาการเดียวกันอาจใช้การรักษาแบบเดียวกันได้โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้รอยโรคหายไปหรืออย่างน้อยเพื่อบรรเทาอาการ 7 ยาเคมีบำบัดชนิดทาภายนอกในรูปแบบของ mechlorethamine ได้ถูกนำมาใช้และประสบความสำเร็จในคนและสุนัขโดยในคนมีการศึกษาว่าร้อยละ 75 ของผู้เข้ารับการทดลอง 155 คน ซึ่งมีอาการในระยะแรกเริ่มมีการตอบสนองต่อยาอย่างสมบูรณ์ และในสุนัขที่มีรอยโรคเป็นดวงหรือปื้นมีการตอบสนองที่ดีเช่นกัน 715 นอกจากนี้ยังมีการทดลองใช้เจลที่มีตัวยา tretinoin กับสุนัขบางตัวที่เป็น CTCL โดยให้ผลที่ดี การรักษานี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการใช้ retinoid สังเคราะห์ที่เรียกว่า bexarotene ในคน 715 จากการที่ retinoid ชนิดทาเลือกจับและกระตุ้นการทำงานของ RX receptor ซึ่งช่วยปรับการทำงานในการแบ่งตัว การเจริญ และการตายของเซลล์ 15 ยาภายนอกที่มีแนวโน้มประสิทธิภาพดีซึ่งต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติมทางในการแพทย์คนและสัตวแพทย์คือ imiquimod ซึ่งเป็นสารปรับภูมิคุ้มกันที่ออกฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งในกรณีของ basal cell carcinoma 15 
รูป 4 แมวที่เป็น CNEL พบภาวะขนร่วง และผิวหนังแดงบริเวณใต้อกและด้านในของขาหน้าร่วมกับแผลหลุมที่มีสิ่งคัดหลั่งและสะเก็ดปกคลุมรุนแรงมากบริเวณไหล่ซ้าย นอกจากนี้ยังมีรอยโรคของผิวหนังหลุดลอกและสะเก็ดบริเวณ clavicle ด้านขวา ผิวด้านในของขาหน้าขวามีการหลุดลอกเช่นกัน

รูป 4 แมวที่เป็น CNEL พบภาวะขนร่วง และผิวหนังแดงบริเวณใต้อกและด้านในของขาหน้าร่วมกับแผลหลุมที่มีสิ่งคัดหลั่งและสะเก็ดปกคลุมรุนแรงมากบริเวณไหล่ซ้าย นอกจากนี้ยังมีรอยโรคของผิวหนังหลุดลอกและสะเก็ดบริเวณ clavicle ด้านขวา ผิวด้านในของขาหน้าขวามีการหลุดลอกเช่นกัน © C. Dedola

รูป 5 แมวที่เป็น CNEL ซึ่งมีการกระจายตัวของรอยโรคบนใบหน้า ลักษณะเป็นปื้นแดงและตุ่มเนื้อที่อยู่ติดกันจนถึงรวมกัน ผิวหนังบางส่วนพบขนร่วง ผิวหนังหลุดลอกและแผลหลุมโดยเฉพาะบริเวณเหนือตาขวา และส่วนที่พับของริมฝีปากบริเวณกรามล่าง

รูป 5 แมวที่เป็น CNEL ซึ่งมีการกระจายตัวของรอยโรคบนใบหน้า ลักษณะเป็นปื้นแดงและตุ่มเนื้อที่อยู่ติดกันจนถึงรวมกัน ผิวหนังบางส่วนพบขนร่วง ผิวหนังหลุดลอกและแผลหลุมโดยเฉพาะบริเวณเหนือตาขวา และส่วนที่พับของริมฝีปากบริเวณกรามล่าง © F. Leone

รูป 6 ลักษณะขนร่วง ผิวหนังแดง รังแค และสะเก็ดเป็นวง รวมไปถึงแผลหลุมหลายจุดบริเวณด้านหลังของศีรษะแมวที่เป็น CNEL

รูป 6 ลักษณะขนร่วง ผิวหนังแดง รังแค และสะเก็ดเป็นวง รวมไปถึงแผลหลุมหลายจุดบริเวณด้านหลังของศีรษะแมวที่เป็น CNEL © R. McFadden

Hannah Lipscomb

ในการดูแลรักษาแมวที่สงสัยว่าเป็น cutaneous lymphoma กุญแจสำคัญคือการวินิจฉัยได้ตั้งแต่ในระยะแรกเริ่มซึ่งจะส่งผลต่อการพยากรณ์โรคที่ดีขึ้น หากสามารถทำได้ควรตัดชิ้นเนื้อไปตรวจในช่วงแรกของการวินิจฉัย

Hannah Lipscomb

การฉายแสง การรักษาด้วยสารไวแสง และการฉายรังสี 

ในทางการแพทย์ของคนมีการศึกษาการฉายแสงด้วยอัลตราไวโอเลตเพื่อใช้ในการรักษา CTCL มากกว่าการรักษาด้วยสารไวแสง รวมถึงมีการศึกษาหลายชิ้นที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของวิธีดังกล่าวในการรักษาโรคระยะแรกเริ่ม 15 สำหรับแวดวงสัตวแพทย์นั้นได้มีความตื่นตัวในการเริ่มใช้สารไวแสงซึ่งให้ผลที่ดีในการรักษา cutaneous squamous cell carcinoma ระยะแรกเริ่ม รวมถึงเนื้องอกขนาดเล็กที่ยังไม่ลุกลามในแมว วิธีการคือให้สารไวแสงที่คงตัวอยู่บริเวณเนื้องอกผ่านการกิน ทา หรือหลอดเลือดดำจากนั้นกระตุ้นการทำงานด้วยแสงให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อ 16 

การฉายรังสีใช้อิเล็กตรอนพลังงานต่ำซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีเฉพาะ หากพื้นที่ของผิวหนังทั้งหมดได้รับการฉายรังสีจะเรียกว่า total skin electron beam(TSEB) ในทางการแพทย์ซึ่งใช้รักษาผู้ป่วยที่มีรอยโรคอยู่บริเวณผิวชั้นนอกซึ่งไม่ตอบสนองด้วยยาทาเฉพาะที่ 15 การตอบสนองต่อการรักษาด้วย TSEB ในบางกรณีนั้นให้ผลที่ดีแต่พบการกลับมาเป็นซ้ำได้บ่อย พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันระหว่างระยะของ CTCL และอัตราการกลับมาเป็นซ้ำส่งผลให้ยิ่ง CTCL มีความรุนแรงมากเท่าใดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำยิ่งสูงขึ้น 1517ในทางสัตวแพทย์ได้มีการศึกษา TSEB เป็นเวลาหลายปีรวมถึงคัดเลือกสัตว์ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม รายงานสัตว์ป่วยกรณีหนึ่งกล่าวถึงการรักษาในสุนัขป่วยด้วยโรค CTCL ที่ดื้อต่อยาเคมีบำบัดซึ่งสามารถทำให้สุนัขสามารถปลอดโรคได้เป็นระยะเวลานาน 19 เดือน 18 แต่ยังไม่มีรายงานการใช้ในแมว 

ยาปรับเปลี่ยนการดำเนินโรคและการรักษาด้วยเคมีบำบัดทางระบบ

CTCL ในคนที่มีการลุกลามมากขึ้นจะพบว่า malignant T-cell เพิ่มจำนวนและทำให้เกิดความไม่สมดุลของ cytokine การทำงานของยาปรับเปลี่ยนการดำเนินโรค(disease-modifying agents)จะพุ่งเป้าไปที่ความไม่สมดุลนี้ ยาปรับเปลี่ยนการดำเนินโรคถือเป็นการรักษาในขั้นที่สองเมื่อการรักษาที่ผิวหนังโดยตรงไม่ประสบความสำเร็จหรือโรคมีการลุกลามมากขึ้น 15 ทางสัตวแพทย์ได้มีการทดลองใช้ retinoid สังเคราะห์ซึ่งให้ผลที่น่าพอใจจากการที่ไม่มีความเป็นพิษทับซ้อนกันกับการรักษาด้วยสารที่เป็นพิษต่อเซลล์เมื่อให้ร่วมกัน retinoid จากธรรมชาติหรือการสังเคราะห์ออกฤทธิ์การทำงานคล้ายวิตามินเอซึ่งส่งผลอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ 19 ในการศึกษาหนึ่งพบว่าสุนัขที่เป็น CTCL ได้รับการรักษาด้วยยาที่มีส่วนผสมของ retinoid สังเคราะห์(isotretinoin และ etretinate) โดยมีผลสำเร็จในการรักษาอยู่ที่ร้อยละ 42 20 เป็นที่น่าเสียดายว่าการรักษานี้ไม่ได้มีการใช้อย่างแพร่หลายนักเพราะใช้เวลานานจึงจะเห็นผลรวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูง 20

แนวทางการรักษา CETL ที่ได้รับการวิจัยมากที่สุดในทางสัตวแพทย์คือการรักษาด้วยเคมีบำบัดทางระบบซึ่งมีทั้งการใช้สารเพียงชนิดเดียวและใช้สารหลายชนิดร่วมกัน สาเหตุมาจากาการที่โรคมักอยู่ในระยะที่ดำเนินไปมากแล้ว ณ ช่วงเวลาที่ทำการวินิจฉัยส่งผลให้จำเป็นต้องโหมรักษา neoplastic lymphocyte ยังคงตอบสนองดีต่อยาสเตียรอยด์ชนิดกินซึ่งมีรายงานว่าให้ผลการรักษาและการประคับประคองอาการได้ดี 219 การใช้ยาสเตียรอยด์เพียงอย่างเดียวในการรักษามักไม่ให้ผลที่ดีในระยะยาวแต่จะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ในการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหลายชนิดร่วมกัน 19

การรักษาด้วยเคมีบำบัดสำหรับ CETL ในแมวยังไม่มีการกำหนดแนวทางไว้ ในสุนัขมีรายงานการใช้ยาเคมีบำบัดชนิดเดียวบ่อยที่สุด การศึกษานำร่องทำการเฝ้าติดตามการตอบสนองของสุนัข 7 ตัวซึ่งมี 5 ตัวที่เป็น epitheliotropic lymphoma ต่อยา lomustine พบว่าสุนัขทุกตัวสามารถเข้าสู้ระยะปราศจากโรคได้เป็นเวลาตั้งแต่ 2 เดือนจนมากกว่า 1 ปี 21 การศึกษาย้อนหลัง 2 ชิ้นซึ่งตีพิมพ์ในปี 2006 ทำการประเมินผลของยา lomustine ในสุนัขที่เป็น CTCL ซึ่งทั้งคู่พบว่าสุนัขร้อยละ 80 มีการตอบสนองในระดับที่วัดได้ แต่อัตราการตอบสนองที่สูงมาพร้อมกับผลข้างเคียงจากยาซึ่งได้แก่การกดไขกระดูกและค่าเอนไซม์ตับที่สูงขึ้น นอกจากนี้สุนัขบางตัวในการทดลองเคยได้รับยาเคมีบำบัดตัวอื่นมาก่อนและ/หรือเคยได้รับยาสเตียรอยด์ 192223 ดังนั้นถึงแม้ว่าผลการศึกษาจะสร้างความมั่นใจแก่สัตวแพทย์ในการใช้ lomustine รักษา CTCL ในสุนัขแต่ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาแนวทางการใช้ยาในสัตว์ที่มีการดื้อยาและสัตว์ที่ไม่มีการดื้อยา 19 จากประสิทธิภาพของยาในสุนัขจึงมีการแนะนำให้ใช้ lomustine รักษาแมวที่เป็น CETL 3

การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดเพียงชนิดเดียวโดยใช้ L-asparaginase หรือ doxorubicin มีการบันทึกในสุนัขเท่านั้น การศึกษาเพื่อเฝ้าติดตามผลของ pegylated(polyethylene glycol capsule) L-asparaginase ในสุนัขที่เป็น CTCL 7 ตัว พบว่าอาการทางคลินิกดูดีขึ้นในระยะแรกแต่ในระยะยาวเห็นผลเพียงบางส่วนและมีฤทธิ์อยู่ได้ไม่นาน 24 อีกการศึกษาหนึ่งทำเพื่อประเมินความเป็นพิษและการตอบสนองของสุนัขที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดต่างๆต่อ pegylated doxorubicin สุนัข 9 ตัวถูกวินิจฉัยว่าเป็น CTCL มี 3 ตัวที่สามารถเข้าสู่ระยะปลอดโรคได้(ระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 90 วัน) จากรายงานมีการบันทึกว่า pegylated doxorubicin มีความเป็นพิษต่อหัวใจและฤทธิ์การกดไขกระดูกต่ำกว่า free doxorubicin อย่างเห็นได้ชัดแต่ยังคงมีปัญหาในการนำมาใช้จริงจากค่าใช้จ่ายที่สูง 25

ทางการแพทย์ของคนได้ระบุแนวทางการใช้ยาเคมีบำบัดหลายชนิดร่วมกันในการรักษา CTCL แต่ไม่ได้มีความเหนือกว่าการใช้ยาเพียงชนิดเดียวในแง่ของอัตราการรอดชีวิต 15 การใช้ยาหลายชนิดร่วมกันมีการทดลองใช้ในสุนัขเพื่อรักษา CTCL โดยมีตัวยาหลายชนิดได้แก่ prednisolone vincristine cyclophosphamide และ doxorubicin พบว่ามีการตอบสนองปานกลางและมีอัตราการรอดชีวิตอยู่ที่ 2 ถึง 6 เดือน 719 COP(cyclophosphamide vincristine และ prednisolone) และ CHOP( cyclophosphamide doxorubicin vincristine และ prednisolone) เป็นแนวทางการรักษาที่นำมาใช้รักษากรณีสุนัขที่เป็น CTCL ในระดับที่ไม่มากบางกรณี และในแมว 1 ตัวที่เป็น CETL โดยประสบความสำเร็จในการรักษาปานกลาง 471319
Filippo De Bellis

โดยทั่วไปแล้วสามารถพบ cutaneous lymphoma ได้ในแมวที่อายุมากโดยเริ่มพบในอายุเฉลี่ยที่ 10 ปี ไม่มีความจำเพาะต่อเพศและพันธุ์ จากการที่ cutaneous lymphoma ในแมวพบได้ยากจึงยังไม่ทราบสาเหตุของโรคที่แน่ชัด

Filippo De Bellis

ทางเลือกอื่นในการรักษา

ทางเลือกอื่นในการรักษา cutaneous lymphoma ในแมวได้แก่ placental lysate การผ่าตัดรอยโรคที่อยู่เดี่ยวๆออก และ fibronectin(ใช้เฉพาะที่และทางหลอดเลือดดำ) 36 fibronectin เป็นไกลโคโปรตีนที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งผ่านกระบวนการ opsonization หรือกระบวนการที่ทำให้เซลล์มะเร็งเป้าหมายถูกจับกินหรือทำลายโดย phagocyte และ monocyte ได้มากขึ้น 3 ถึงแม้ว่าจะมีการตีพิมพ์แนวทางในการรักษาที่เป็นทางเลือกแต่ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนผ่านกรณีตัวอย่างที่มีการตอบสนองต่อการรักษาและอัตรารอดชีวิตที่น่าเชื่อถือเพียงพอ 6 ซึ่งยังคงต้องมีการศึกษาต่อไป 

การรักษาโดยใช้หลายวิธีร่วมกันและการรักษาตามอาการ

แนวทางการรักษาโดยใช้หลายวิธีร่วมกันไม่ช่วยเพิ่มอัตรารอดชีวิตในคนที่ป่วยด้วยโรค CTCL แต่มีความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการตอบสนองอย่างสมบูรณ์ต่อการรักษา การใช้วิธีรักษาหลายวิธีร่วมกันควรคำนึงถึงการไม่ซ้อนทับกันของความเป็นพิษต่อร่างกายและมีความสมเหตุผลเช่นใช้การผ่าตัดนำก้อนเนื้อออกร่วมกับการทำเคมีบำบัด ควรพิจารณาใช้ในสัตว์ป่วยเป็นรายๆไป สิ่งที่สำคัญอีกประการคือการรักษาตามอาการเช่นยาระงับความเจ็บปวด และยาปฏิชีวนะ ควรให้ร่วมกับการรักษาเนื้องอกเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยเฉพาะในรายที่เน้นการรักษาแบบประคับประคอง 19

การรักษา CNEL

CNEL พบได้น้อยในสุนัขจึงไม่มีงานวิจัยที่มากเพียงพอที่จะสร้างเป็นแนวทางในการรักษา ส่งผลให้ไม่มีการรักษาที่เป็นมาตรฐานสำหรับแมวที่ป่วยด้วย CNEL ถึงกระนั้นยังมีผลงานตีพิมพ์ที่จะช่วยเหลือสัตวแพทย์ในการตัดสินใจเลือกแนวทางรักษาที่เหมาะสม มีรายงานกรณีสัตว์ป่วย 2 รายที่ลงรายละเอียดการรักษาและผลที่ได้ แมวตัวหนึ่งได้รับการรักษาด้วยยา lomustine จนสามารถเข้าสู่ระยะปลอดโรคได้นานประมาณ 4 เดือน ในแมวอีกตัวได้รับการรักษาด้วยวิธี CHOP โดยสามารถประคองอาการให้คงที่อยู่ได้นานประมาณ 4 สัปดาห์ 514 

การศึกษาย้อนหลังในแมว 23 ตัวที่ป่วยด้วย tarsal CNEL พบว่าแมวที่ได้รับการรักษาโดยใช้หลายวิธีร่วมกัน(ฉายรังสีและเคมีบำบัด)หรือการผ่าตัด(อาจร่วมกับการใช้เคมีบำบัดหรือไม่ก็ได้)ส่งผลให้มีอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ยสูงกว่าการรักษาโดยใช้วิธีเดียว(ยากลุ่มสเตียรอยด์หรือเคมีบำบัด)อย่างมากที่ 316 วันและ 115 วันตามลำดับ 6 แมวที่กำลังรักษา CNEL ควรได้รับการรักษาโดยใช้หลายวิธีร่วมกันและมีการรักษาตามอาการอย่างเหมาะสม

การพยากรณ์โรค

ข้อมูลที่มีเกี่ยวกับ cutaneous lymphoma ในแมวนั้นมีน้อยมากทำให้ไม่สามารถคาดเดาถึงการพยากรณ์โรคได้ ในคนอัตราการรอดชีวิตขึ้นอยู่กับชนิดของ CTCL จากการวินิจฉัยตัวอย่างเช่น Sezary syndrome มีการพยากรณ์โรคแย่กว่า mycosis fungoides มาก(อัตราการรอดชีวิตเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ร้อยละ 33 และ 89-93 ตามลำดับ) 3 การพยากรณ์ในคนสำหรับโรค CTCL ถือว่าค่อนข้างดี 15 สุนัขที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น CTCL ในระยะเริ่มต้นและรับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจมีระยะเวลารอดชีวิตนานกว่า 12 เดือน ในขณะที่สุนัขที่ได้รับการวินิจฉัยตอนที่โรคลุกลามไปมากแล้วอาจอยู่ได้เพียง 6 เดือนโดยไม่ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษา 19 ในแมวอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ยสำหรับ CETL อยู่ที่ประมาณ 10 เดือน แต่สำหรับ CNEL จะแย่กว่าอยู่ที่ 4-8 เดือน 37 

สรุป

Cutaneous lymphoma เป็นโรคมะเร็งที่พบได้ยากในแมว มีการตีพิมพ์ทางวิชาการเกี่ยวกับการแสดงออกของโรค การรักษา และการพยากรณ์โรคของทั้งสองรูปแบบน้อยมาก อย่างไรก็ตามกุญแจสำคัญในการจัดการกรณีที่สงสัยว่าแมวป่วยด้วยโรค cutaneous lymphoma คือการวินิจฉัยโรคให้ได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นเพื่อให้การพยากรณ์โรคดีขึ้น หากสามารถทำได้ควรตัดชิ้นเนื้อไปตรวจให้เร็วที่สุดในการวินิจฉัย การรักษาไม่ได้มีแบบแผนที่กำหนดไว้ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติม จากการทบทวนกรณีสัตว์ป่วยพบว่าแมวมักได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดทางระบบและนำหลายวิธีมาใช้ร่วมกันเพื่อให้เกิดการรตอบสนองต่อการรักษาที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังควรทำการรักษาตามอาการเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของแมวโดยเฉพาะในรายที่ทำการรักษาประคับประคองอาการ

พิเศษสำหรับสัตวแพทย์ไทย

เข้าทำเเบบทดสอบเพื่อสะสม VET-CE ภายในวันที่ 10 ก.ย.-30 พ.ย. 2022


ทำแบบทดสอบ VET-CE

แหล่งอ้างอิง

  1. Roccabianca P, Avallone G, Rodriguez A, et al. Cutaneous lymphoma at injection sites: pathological, immunophenotypical, and molecular characterization in 17 cats. Vet Pathol 2016; 53(4):823-832.

  2.  Moore PF, Olivry T. Cutaneous lymphoma in companion animals. Clin Dermatol 1994;12(4):499-505.

  3.  Fontaine J, Heimann M, Day MJ. Cutaneous epitheliotropic T-cell lymphoma in the cat: a review of the literature and five new cases. Vet Dermatol 2011;22(5):454-461.

  4. Schmidt V. Epitheliotropic T-cell cutaneous lymphoma in dogs. UK Vet Comp Anim 2011; 16(3):49-54.

  5. Jegatheeson S, Wayne J, Brockley LK. Cutaneous non-epitheliotropic T-cell lymphoma associated with a fracture site in a cat. J Feline Med Surgery Open Reports 2018;4(1):1-6.

  6. Burr HD, Keating JH, Clifford CA, et al. Cutaneous lymphoma of the tarsus in cats: 23 cases (2000-2012). J Am Vet Med Assoc 2014;244(12):1429-1434.

  7. Miller Jr WH, Griffin CE, Campbell KL. Neoplastic and Non-Neoplastic Tumours. In: Duncan L, Rudolph P, Graham B, et al (eds). Muller and Kirk’s Small Animal Dermatology. 7th ed. Missouri: Elsevier Mosby, 2013;810-815.

  8. Beatty J. Viral causes of feline lymphoma: retroviruses and beyond. Vet J 2014;201(2):174-180.

  9. Tobey JC, Houston DM, Breur GJ, et al. Cutaneous T-cell lymphoma in a cat. J Am Vet Med Assoc 1994;204(4):606-609.

  10. Scott DW. Feline Dermatology 1983-1985: “the secret sits”. J Am Anim Hosp Assoc 1987;23:255-274.

  11. Wood C, Almes K, Bagladi-Swanson M, et al. Sézary syndrome in a cat. J Am Anim Hosp Assoc 2008;44(3):144-148.

  12. Rook KA. Canine and feline cutaneous epitheliotropic lymphoma and cutaneous lymphocytosis. Vet Clin North Am Small Anim Pract 2019;49(1):67-81.

  13. Neta M, Naigamwalla D, Bienzle D. Perforin expression in feline epitheliotropic cutaneous lymphoma. J Vet Diagn Invest 2008;20(6):831-835.

  14. Komori S, Nakamura S, Takahashi K, et al. Use of lomustine to treat cutaneous nonepitheliotropic lymphoma in a cat. J Am Vet Med Assoc 2005;226(2):237-239.

  15. Knobler E. Current management strategies for cutaneous T-cell lymphoma. Clin Dermatol 2004;22(3):197-208.

  16. Buchholz J, Heinrich W. Veterinary photodynamic therapy: a review. Photodiagnosis Photodyn Ther 2013;10(4):342-347.

  17. Jones GW, Hoppe RT, Glatstein E. Electron beam treatment for cutaneous T-cell lymphoma. Hematol Oncol Clin North Am 1995;9(5):1057-1076.

  18. Santoro D, Kubicek L, Lu B, et al. Total skin electron therapy as treatment for epitheliotropic lymphoma in a dog. Vet Dermatol 2017;28(2):246-e65.

  19. De Lorimier LP. Updates on the management of canine epitheliotropic cutaneous T-cell lymphoma. Vet Clin North Am Small Anim Pract 2006;36(1):213-228.

  20. White SD, Rosychuk RA, Scott KV, et al. Use of isotretinoin and etretinate for the treatment of benign cutaneous neoplasia and cutaneous lymphoma in dogs. J Am Vet Med Assoc 1993;202(3):387-391.

  21. Graham JC, Myers RK. Pilot study on the use of lomustine (CCNU) for the treatment of cutaneous lymphoma in dogs. In: Proceedings, 17th Annual Meeting Veterinary Internal Medicine Forum 1999;723.

  22. Risbon RE, De Lorimier LP, Skorupski K, et al. Response of canine cutaneous epitheliotropic lymphoma to lomustine (CCNU): a retrospective study of 46 cases (1999-2004). J Vet Intern Med 2006;20(6):1389-1397.

  23. Williams LE, Rassnick KM, Power HT, et al. CCNU in the treatment of canine epitheliotropic lymphoma. J Vet Intern Med 2006;20(1):136-143.

  24. Moriello KA, MacEwen EG, Schultz KT. PEG-L-asparaginase in the treatment of canine epitheliotropic lymphoma and histiocytic proliferation dermatitis. In: Ihrke PJ, Mason IS, White SD (eds). Advances in Veterinary Dermatology Vol. 2. UK: Pergamon Press, 1993;293-299.

  25. Vail DM, Kravis LD, Cooley AJ, et al. Preclinical trial of doxorubicin entrapped in sterically stabilized liposomes in dogs with spontaneously arising malignant tumours. Cancer Chemother Pharmacol 1997;39(5):410-416.

Hannah Lipscomb

Hannah Lipscomb

Greater Manchester, สหราชอาณาจักร อ่านเพิ่มเติม

Filippo De Bellis

Filippo De Bellis

DVM, CertVD, Dip. ECVD, MRCVS, Davies Veterinary Specialists, Hertfordshire, สหราชอาณาจักร อ่านเพิ่มเติม

บทความอื่นๆ ในประเด็นนี้

หมายเลขหัวข้อ 31.1 เผยแพร่แล้ว 13/01/2023

โรคผิวหนังที่เกิดจากภาวะภูมิแพ้อาหารในแมว

การที่เจ้าของแมวหลายคนกล่าวโทษว่าอาหารคือตัวการที่ทำให้แมวมีอาการทางผิวหนังนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่

โดย Sarah E. Hoff และ Darren J. Berger

หมายเลขหัวข้อ 31.1 เผยแพร่แล้ว 23/08/2022

การใช้ Elizabethan collar ในแมว

การใช้ Elizabethan collar ในแมวมักทำเพื่อป้องกันการเกาจากอาการคัน แต่การสวมใส่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของแมว

โดย Anne Quain

หมายเลขหัวข้อ 31.1 เผยแพร่แล้ว 29/04/2021

แนวทางการรักษาแมวที่มีอาการคัน

สัตวแพทย์ Jay Korbelik ได้ให้คำแนะนำที่มีหลักฐานจากงานวิจัยรับรองในการรักษาแมวที่มีอาการคันซึ่ง...

โดย Jay Korbelik